ตร.ไซเบอร์ แถลงปฏิบัติการ “ล่าลวงหลอก” ขุดรากถอนโคนแก๊งคอลเซ็นเตอร์

พลตำรวจโทวรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือตำรวจไซเบอร์ ปฏิบัติการ “ล่าลวงหลอก” ขุดรากถอนโคนขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในพื้นที่อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย หลังศาลอนุมัติหมายค้น 2 จุดและหมายจับผู้ต้องหาที่ทำหน้าที่กดเงิน และรับจ้างเปิดบัญชีม้าจำนวนทั้งสิ้น 15 คน สามารถจับกุมเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ได้ทั้งสิ้น 9 คน โดยแบ่งเป็น ผู้ที่ควบคุมบัญชีและกดเงินสด 4 คน และบัญชีม้าอีก 5 คน พร้อมยึดทรัพย์สินที่เชื่อว่าได้มาจากการกระทำความผิด 130 รายการ อาทิ เงินสด 1 ล้านบาท อายัดเงินในบัญชีธนาคาร 1.5 ล้านบาท รถยนต์ 2 คัน รถจักรยานยนต์ 2 คัน คอมพิวเตอร์ 2 เครื่อง และโทรศัพท์มือถือ 17 เครื่อง รวมมูลค่า 10 ล้านบาท

โดยพฤติการณ์ของแก๊งคอลเซ็นเตอร์รายนี้ จะโทรศัพท์หลอกลวงผู้เสียหาย โดยอ้างตัวเป็นพนักงานส่งพัสดุ แจ้งว่าพบสิ่งของที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดถูกส่งมาในกล่องพัสดุ เช่นหนังสือเดินทางของชาวจีน 15 เล่ม และสมุดบัญชีธนาคารซึ่งระบุชื่อผู้เสียหายเป็นเจ้าของบัญชี โดยพัสดุดังกล่าวถูกส่งจากต้นทางที่จังหวัดตาก ปลายทางจังหวัดอุบลราชธานี ปรากฏชื่อผู้เสียหายเป็นผู้ส่งพัสดุ จากนั้นคนร้ายก็จะแจ้งให้ผู้เสียหายติดต่อกับตำรวจผ่านทางวิดีโอคอลล์ในแอปพลิเคชั่นไลน์ ให้ผู้เสียหายเห็นคนร้ายเป็นใบหน้าของเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยใช้โปรแกรม Ai อ้างเป็นผู้กำกับการสภ.เมืองตาก หลอกสอบถามข้อมูลส่วนตัวและเงินในบัญชีผู้เสียหาย หว่านล้อมว่าผู้เสียหายกระทำความผิด ต้องโอนเงินเข้าบัญชีคนร้ายเพื่อตรวจสอบ โดยหนึ่งในผู้เสียหายที่มาแจ้งความโอนเงินไปทั้งสิ้น 9 ครั้ง เป็นเงินกว่า 2.8 ล้านบาท

จากการสอบปากคำผู้ต้องหาที่จับกุมได้ รับสารภาพว่าร่วมการกระทำความผิด เชื่อมโยงกับขบวนการแก๊ง Call Center รายใหญ่บริเวณชายแดนแม่สาย ฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน มาตั้งแต่ปลายปี 2565 จนถึงปัจจุบัน เงินจะถูกยักย้ายถ่ายโอนไปยังบัญชีม้าไม่น้อยกว่า 5 แถว มีนางสาวพลอยมณี อายุ 20 ปี หนึ่งในผู้ต้องหาที่จับกุมได้เป็นผู้ควบคุมบัญชีทั้งหมด และจะรับคำสั่งจากผู้สั่งการใหญ่ ในการสั่งกดเงินออกจากตู้เอทีเอ็ม ที่อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย หากยอดเงินจำนวนมาก ก็จะสั่งให้ลูกน้องกระจายไปกดเงินหลายคน และนำเงินสดมามอบให้ที่บ้าน ซึ่งขณะที่ตำรวจเข้าตรวจค้นจับกุม ก็มีลูกน้องของนางสาวพลอยมณี กำลังนำเงิน 500,000 บาทที่เพิ่งกดได้มามอบให้ที่บ้าน โดยบางวันกดเงินที่หลอกมาได้สูงสุดถึง 10 ล้านบาทต่อวัน แลละตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาจนถึงขณะนี้ได้เงินไป 200-300 ล้านบาทแล้ว

เบื้องต้นตำรวจทราบตัวคนสั่งการแล้ว เป็นคนไทยที่อยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งตำรวตจะออกหมายจับและประสานงานระหว่างประเทศในการติดตามจับกุมผู้สั่งการรายนี้มาดำเนินคดี