ตร.ไซเบอร์ แถลงปฏิบัติการ “พลิกถนนล่า รหัสโจรกรรม” รวบหนุ่มโจรกรรมรหัสขนส่ง เสียหายกว่า 77 ล้าน

กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี วันนี้ (3 ส.ค.66) เวลา 08.00 น. พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วย นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก นายเสกสม อัครพันธุ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก, พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท., พล.ต.ต.ไพโรจน์ สุขรวยธนโชติ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ณัฐกร ประภายนต์ ผบก.สอท.2 และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องร่วมแถลงข่าว ปฏิบัติการ “พลิกถนนล่า รหัสโจรกรรม”กรณีกลุ่มคนร้ายเข้ามาทำการแก้ไขข้อมูลรถยนต์ในฐานข้อมูลระบบทะเบียนข้อมูลรถยนต์และรถจักรยานยนต์ของกรมการขนส่งทางบก ณ อาคารประชุมสัมมนาและฝึกอบรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (เมืองทองธานี)

สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 28 มิ.ย.66 กรมการขนส่งทางบกได้มอบอำนาจมาแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีกับคนร้าย กรณีกรมขนส่งทางบกตรวจพบการเข้าใช้งานโปรแกรมบันทึกปรับฐานข้อมูลของ Admin งานฝ่ายทะเบียน รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกินเจ็ดคน และตรวจสภาพรถ โดยมีการเข้าใช้งานที่ผิดปกติจำนวนหลายครั้งหลายรายการและมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับรถในระบบฐานข้อมูลของกรมการขนส่งทางบก เช่น เปลี่ยนหมายเลขตัวถังรถยนต์ ซึ่งพฤติการณ์ดังกล่าวเป็นถือเป็นการนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ ฯ ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์

จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบข้อมูลถูกแก้ไขรวมแล้ว จำนวนกว่า 65 คัน ซึ่งในกรณีนี้ทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายทะเบียนได้รับแจ้งการขอมีเล่มคู่มือจดทะเบียนรถใหม่จากคนร้ายผู้มาใช้บริการ จึงเข้าระบบไปตรวจสอบพบว่าข้อมูลรถได้ถูกแก้ไขโดย User ของเจ้าหน้าที่ฝ่ายทะเบียน เพียงไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้ ทำให้ทราบว่ามีบุคคลอื่นลักลอบนำ User ของตนไปใช้แก้ไขข้อมูลในระบบ ซึ่งโดยปกติแล้วขั้นตอนการขอเล่มคู่มือการจดทะเบียนใหม่จะต้องได้รับการตรวจสอบ โดยเจ้าหน้าที่ 2 ฝ่าย คือ 1.เจ้าหน้าที่ฝ่ายช่าง 2.เจ้าหน้าที่ฝ่ายทะเบียน ซึ่งการดำเนินการจะต้องมีการเชื่อมโยงข้อมูลกันระหว่างเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย เพื่อทำการอัพเดทระบบฐานข้อมูล ผ่านทาง User และ Password เฉพาะบุคคลของเจ้าหน้าที่ทั้งสอง จึงจะสามารถดำเนินการออกเล่มคู่มือการจดทะเบียนใหม่ได้

จากขั้นตอนดังกล่าวข้างต้น ทำให้ทราบว่าคนร้ายสามารถเข้าไปแก้ไขข้อมูลได้ทั้ง 2 ขั้นตอน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานของอนุมัติศาลอาญาออกหมายจับนายเสถียร (สงวนนามสกุล) โดยจับกุมตัวได้ในวันที่ 29 มิ.ย.66 จากนั้นได้ทำการสืบสวนเพิ่มเติมจนสามารถออกหมายและจับกุม นายศริสร หรือแม็ค (สงวนนามสกุล) ผู้ร่วมขบวนการได้อีก 1 คน พร้อมกับได้เข้าทำการตรวจค้นสถานที่ต่าง ๆ จำนวนกว่า 35 จุด และตรวจยึดรถยนต์รถจักรยานยนต์ที่คาดว่าจะเกี่ยวข้องในคดีนี้ รวมมูลค่าประมาณ 77,350,000 บาท พร้อมทั้งออกหมายเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องมาสอบสวนปากคำ เพื่อทราบถึงแหล่งที่มาของรถที่อยู่ในความครอบครองของผู้ที่เกี่ยวข้องในคดีนี้ โดยขั้นตอนวิธีการของคนร้ายจะกระทำโดย นายศริสรฯเป็นตัวกลางในการติดต่อหาลูกค้ามาให้นายเสถียรฯ เพื่อดำเนินการขอจดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบก ซึ่งนายเสถียรฯ จะเข้าไปทำการแก้ไขข้อมูลในระบบให้เป็นรถที่ถูกกฎหมาย จากนั้นจะไปติดต่อทางขนส่งว่าเล่มทะเบียนเก่าสูญหาย เพื่อขอออกเล่มทะเบียนใหม่ เมื่อเจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบก็ไม่ทราบถึงการแก้ไขข้อมูลดังกล่าว จึงได้ออกเล่มทะเบียนใหม่ให้ ส่งผลให้รถคันดังกล่าวจึงกลายเป็นรถที่มีสภาพถูกต้องตามกฎหมาย พร้อมมีเล่มคู่มือการจดทะเบียนแบบถูกต้อง โดยเล่มทะเบียนรถจะถูกขายต่อในราคาประมาณ 800,000-1,500,000 บาท ส่วนเล่มทะเบียนพร้อมรถ หากเป็นรถยนต์จะขายราคาประมาณคันละ 1,000,000-3,000,000 บาท และรถจักรยานยนต์จะขายราคาประมาณคันละ 500,000-1,000,000 บาท คิดเป็นมูลค่าความเสียหายรวมกว่า 77,350,000 บาท