ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.ให้ปราบปรามกลุ่มองค์กรอาชญากรรมที่กระทำความผิดในโลกออนไลน์ทุกรูปแบบที่สร้างความเดือนร้อนให้กับประชาชนผู้สุจริตจำนวนมาก และมีแนวทางให้ชุดลาดตระเวนออนไลน์ บก.สส.บช.น. ฝึกภาคปฏิบัติกับนักเรียนหลักสูตรการสืบสวนคดีอาญารุ่นที่ 110 ได้ออกลาดตระเวนออนไลน์จนทราบถึงความเดือดร้อนจากประชาชน ซึ่งถูกกลุ่มมิจฉาชีพใช้บัญชีม้าธนาคารรับโอนเงินที่ได้จากการหลอกผู้เสียหายให้โหลดแอปควบคุมโทรศัพท์ทางไกล แล้วดูดเงินจากบัญชีผู้เสียหาย มูลค่าความเสียหายรวม 1 แสนกว่าบาท สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. จึงกำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.2 บก.สส.บช.น. พร้อมด้วยนักเรียนหลักสูตรการสืบสวนคดีอาญา รุ่นที่ 110 รีบดำเนินการสืบสวนติดตามจับกุมให้ได้โดยเร็ว
เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2566 พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ,พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. ,พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.ธัญญพัทธ์ บุญสุข ผกก.สส.2 บก.สส.บช.น.,พ.ต.ท.ณัฐวุฒิ สีเสมอ,พ.ต.ท.นิติกรณ์ ระวัง รอง ผกก.กก.สส.2 ได้สั่งการให้ พ.ต.ท.วุฒิพันธ์ ผะอบทอง,พ.ต.ต.กิติพัฒน์ ใจอารีรอบ สว.กก.สส.2 บก.สส.บช.น และนักเรียนหลักสูตรการสืบสวนคดีอาญา รุ่นที่ 110 สืบสวนจับกุม
1.น.ส.ศุภลักษณ์ อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ บ้านเลขที่ 172 ม.9 ต.สนามแจง อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี เป็นผู้ต้องหาบุคคลตามหมายจับศาลจังหวัดจันทบุรี ที่ 195/2566 ลง 24 กรกฎาคม 2566
2.น.ส.ก. (นามสมมติ) อายุ 18 ปีอยู่บ้านเลขที่ 8 ม.2 ต.บ้านธาตุ อ.แก่งคอย จ.สระบุรี เป็นผู้ต้องหาบุคคลตามหมายจับศาลเยาวชนเเละครอบครัวกลาง ที่ 79/2566 ลงวันที่ 25 กรกฎาคม 2566
ในความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมด หรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” พฤติการณ์ ผู้เสียหาย ได้รับสายโทรศัพท์จากหมายเลข 0813411250 (ทราบภายหลังว่าเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์) บอกว่าผู้เสียหายมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องผิดกฎหมาย ถูกแอบอ้าง และการฟอกเงิน และให้ผู้เสียหายเพิ่มเพื่อนในแอปฯไลน์เพื่อแจ้งความ ผู้เสียหายทำการเพิ่มเพื่อนแล้วปรากฎผู้ใช้บัญชีไลน์ชื่อ “สภ.เมืองเชียงราย” บอกให้ผู้เสียหายโอนเงินที่มีอยู่ทั้งหมดไปให้ตรวจสอบแล้วจะคืนให้ ผู้เสียหายหลงเชื่อ จึงโอนเงินไปจากบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ ของผู้เสียหาย ไปยังบัญชีของคนร้าย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา เลขที่ 8013932754 ชื่อบัญชีของผู้ต้องหา จำนวน 4 ครั้ง จากนั้นคนร้ายได้หลอกให้ผู้เสียหายโหลดแอปฯ “ควบคุมโทรศัพท์ทางไกล” และให้ผู้เสียหายบอกเลขรหัสที่ปรากฎในแอป จากนั้นคนร้ายได้เข้าควบคุมเครื่องโทรศัพท์ของผู้เสียหาย และโอนเงินจากบัญชีเดิมของผู้เสียหายไปยังบัญชีเดิมของคนร้าย รวมการโอนเงินทั้งหมด 5 ครั้ง วันที่ 4 ส.ค. 65 เป็นเงินทั้งสิ้น 109,355 บาท จากนั้นไม่สามารถติดต่อได้ และไม่ได้รับเงินคืนตามที่คนร้ายกล่าวอ้าง จึงเชื่อว่าถูกหลอกลวง ทำให้ได้รับความเสียหาย จึงมาแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน เพื่อให้ดำเนินคดีกับคนร้ายให้ได้รับโทษตามกฎหมาย
สถานที่จับกุมผู้ต้องหาทั้งสอง ด้านหน้าบ้านเลขที่ 90 ซ.ชุมชนสมประสงค์ ต.บางปรอก อ.เมืองฯ จ.ปทุมธานี จากการซักถาม น.ส. ศุภลักษณ์ จุสนั่น ผู้ต้องหาที่ 1 รับว่าบัญชีดังกล่าวที่ผู้เสียหายโอนเงินมาให้นั้นเป็นบัญชีของตนเองจริง ซึ่งบัญชีดังกล่าวตนเองได้เอาไปให้ น.ส. ก ผู้ต้องหาที่ 2 ใช้ โดยที่ตนเองไม่รู้ว่า จะเอาไปใช้ทำอะไร และไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับการฉ้อโกงเงิน หรือแก็งคอลเซ็นเตอร์แต่อย่างใด
จากการซักถาม น.ส.ก รับว่าบัญชีดังกล่าวที่ผู้เสียหายโอนเงินมาให้นั้นเป็นบัญชีของตนเองจริง ซึ่งบัญชีดังกล่าวตนเองได้เอาไปให้เพื่อนใช้ โดยที่ตนเองไม่รู้ว่า จะเอาไปใช้ทำอะไร และไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับการฉ้อโกงเงิน หรือแก๊งคอลเซ็นเตอร์แต่อย่างใด นำตัวผู้ต้องหาที่ 1 ส่งพนักงานสอบสวน สภ เมือง จันทบุรี และผู้ต้องหาที่ 2 สน. บางนา ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ด้าน พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. กล่าวแจ้ง การทลายบัญชีม้า เป็นการตัดวงจรแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่สำคัญแม้ว่าคอลเซ็นเตอร์จะมีการตั้งออฟฟิศอยู่ประเทศเพื่อนบ้าน แต่ถ้าเราสามารถปราบปรามบัญชีม้าในประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะทำให้สามารถตอบโต้มิจฉาชีพนี้ได้เพื่อไม่ให้หลอกลวงคนไทยได้สะดวกหรือกระทำผิดโดยง่าย หากท่านมีเบาะแสการกระทำความผิด มายังเพจ “สืบนครบาล IDMB” ได้ตลอด 24 ชม. แม้จะเป็นคดีที่มีความเสียหายไม่มาก แต่หากเป็นคดีที่ประชาชนเดือดร้อน เราทำทันที ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.