เมื่อเวลาประมาณ 10.00 น. ของวันที่ 17 กรกฎาคม 2566 ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรง ผบช.ภ.7 ได้มอบหมายให้ พล.ต.ท.บุญญฤทธิ์ รอดมา ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนรองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 พร้อมด้วย พล.ต.ต. ดร.จักษ์ จิตตธรรม ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรสาคร, พ.ต.อ.วรพล ยิ่งเจริญ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด, พ.ต.อ.ยอดชาย แก้วเรือง ผู้กำกับการสืบสวนตำรวจภูธร จังหวัดสมุทรสาคร, พ.ต.อ.พิเชษฐ์พงศ์ แจ้งค้ายคม ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธร เมืองสมุทรสาคร, พ.ต.ท.สุรศักดิ์ สิทธิโชคธรรม รองผู้กำกับสืบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองสมุทรสาคร และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการจับกุม ร่วมกันแถลงผลการจับกุมผู้ต้องหาเครือข่ายยาเสพติดจำนวน 1 ราย คือ นายฮารมี อายุ 36 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสมุทรสาคร ที่ 412/2566 ลงวันที่ 13 ก.ค.66
พร้อมด้วยของกลางในคดี คือ โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อ Vivo 1 เครื่อง , โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อ Beyond 1 เครื่อง , สมุดบัญชี ธนาคารกรุงศรีฯ ชื่อบัญชี นายฮารมี ซาเระซา , ตั๋วผู้โดยสารเครื่องบิน วันที่ 12 ก.ค.66 อีกทั้งยังได้ตรวจยึดทรัพย์ตามประมวลกฎหมายยาเสพติด 2564 ประกอบด้วย รถยนต์ ยี่ห้อ โตโยต้า อัลติส สีขาว หมายเลขทะเบียน 2 ขฆ9500 กรุงเทพมหานคร กับ สมุดบัญชีธนาคารอิสลามฯ สาขาหาดใหญ่ ชื่อบัญชี นายฮารมี ซาเระชา 1 เล่ม โดยแจ้งข้อกล่าวหาว่า “มีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) อันถือเป็นการจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต, เป็นการกระทำเพื่อการค้าและก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน”
สำหรับการติดตามจับกุมผู้ต้องหารายนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 12 กรฎาคมที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวน สภ.เมืองสมุทรสาคร ได้ตรวจยึดยาบ้าจากรถรับจ้างขนผักไว้ได้จำนวน 4,570,000 เม็ด คิดเป็นมูลค่ากว่า 120 ล้านบาท ต่อมาจากการสืบสวนขยายผลผู้ร่วมกระทำผิดจนสามารถขออนุมัติศาลออกหมายจับ นายฮารมี อายุ 36 ปี ผู้ต้องหาดังกล่าว ที่หลบหนีไปพักอาศัยอยู่ในพื้นที่หมู่บ้านกาตอง-ธารคีรี ม.6 ต.กาตอง อ.ยะหา จังหวัดยะลา และได้มีการสนธิกำลังกับหน่วยงานในพื้นที่จนกระทั่งสามารถจับกุมตัวไว้ได้ในที่สุด พร้อมกับนำตัวมาดำเนินคดี อีกทั้งยังได้ทำการตรวจยึดทรัพย์สินตามพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534
พล.ต.ท.บุญญฤทธิ์ รอดมา ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนรองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ได้เปิดเผยถึงการสอบสวนผู้ต้องหารายดังกล่าวว่า ผู้ต้องหาได้ยอมรับว่าเป็นหนึ่งในเครือข่ายค้ายาเสพติด (ยาบ้า) รายสำคัญนี้จริง โดยยาเสพติดทั้งหมดมีผู้นำเข้ามาจากนอกประเทศ ส่วนผู้ต้องหามีหน้าที่ในการไปรับรถที่มีผู้นำมาจอดทิ้งไว้ตามพิกัดที่แจ้ง แล้วก็ขับรถคันดังกล่าวไปที่ตลาดไทตามที่ผู้ว่าจ้างสั่งการ จากนั้นก็นำสิ่งของในรถยนต์ขนขึ้นรถรับจ้างขนส่งผัก เพื่อส่งต่อไปยังปลายทางคือจังหวัดทางภาคใต้ ส่วนรายละเอียดอื่นๆ อยู่ระหว่างการสอบสวนเพื่อขยายผลต่อไป
พล.ต.ท.บุญญฤทธิ์ฯ ยังกล่าวอีกว่า สำหรับเครือข่ายยาเสพติดรายนี้ ถือเป็นรายใหญ่ที่ต้องรีบดำเนินการขยายผลจับกุม ซึ่งทางผู้บังคับบัญชาได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกฝ่ายสนธิความร่วมมือกันดำเนินการเร่งรัดติดตามผู้ที่เกี่ยวข้องหรือเครือข่ายรายอื่นๆ มาให้ได้ ในขณะที่ทางด้านของพลเมืองดีที่พบเห็นการกระทำความผิดในทุกรูปแบบ ก็ขอให้แจ้งเบาะแสมาที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือช่องทางการแจ้งเบาะแสผู้กระทำความผิด เพื่อร่วมกันปราบปรามขบวนการเหล่านี้ให้หมดสิ้นไป