วันที่ 14 ก.ค.66 วานนี้ (13 ก.ค.) พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. หน.PCT ชุดที่ 5 พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รอง ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น. พ.ต.อ.ณรงค์ฤทธิ์ ทองแพ ผกก.สอบสวน บก.สส.บช.น. พ.ต.อ.ธัญญพัทธ์ บุญสุข ผกก.สส.2 บก.สส.บช.น.นำกำลังชุด ศปอส.ตร.ที่ 5 และชุดสืบสวนนครบาลจับกุม นายวิวัฒน์ วงค์ษา หรือ “ครูฟู่หรือสุนทรฟู่ อายุ 36 ปี ชาวบึงกุ่ม จ.กรุงเทพฯ ซึ่งถูกออกหมายจับรวม 4 หมาย1.หมายจับศาลอาญาธนบุรีที่ 742/2565 ลงวันที่ 22 พ.ย. 65 ข้อหา “ฉ้อโกงประชาชนฯ โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จฯ ของ สน.บางยี่เรือ 2.หมายจับศาลจังหวัดนครสวรรค์ที่ 17/2566 ลงวันที่ 10 ม.ค. 66 ข้อหา “ฉ้อโกงประชาชนฯ นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จฯ ของ สภ.บางม่วง 3.หมายจับศาลจังหวัดสมุทรสาครที่ 19/2566 ลงวันที่ 27 ม.ค. 66 ข้อหา “ฉ้อโกงฯ และโดยทุจริต หรือหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จฯ ”ของ สภ.บ้านแพ้ว และ4.หมายจับศาลแขวงพระนครเหนือที่ 292/2566 ลงวันที่ 30 พ.ค. 66 ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงฯ นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จฯ ” ของ สน.วังทองหลางและ “ฉ้อโกงประชาชนฯ โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จฯ ”โดยจับกุมได้ที่ห้องพักเลขที่ 28/58 ถนอมมิตรคอนโด ตึก 11 แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน จ.กรุงเทพฯ
สืบเนื่องจากชุดลาดตระเวนออนไลน์ บก.สส.บช.น. ตรวจสอบพบว่า นายวิวัฒน์ หรือครูฟู่ อดีตครูสอนภาษาไทย โรงเรียนชื่อดังในกรุงเทพฯ ซึ่งจบการศึกษา ชั้นปริญญาตรีจากมหาลัยชื่อดังได้เกียรตินิยมอันดับ1 และ เข้ารับราชการ โดยในปี 2560 เคยได้รับรางวัล”ครูภาษไทยดีเด่นแห่งชาติ” จนได้สมญานาม ‘สุนทรฟู่’ ต่อมาครูฟู่เริ่มติดการพนันเพื่อหาเงินเปย์ให้กับแฟนหนุ่มสัญชาติลาว LBGTQ ที่พบเจอกันขณะจ้างให้มานวด จนถูกไล่ออกจากข้าราชการครู
ต่อมาจึงเดินสายหลอกลวงกิจกรรมในแวดวงครูด้วยกัน เช่น หลอกให้เช่าบ้านพักเพื่อทำกิจกรรมต่างๆของโรงเรียนในต่างจังหวัด หรือ หลอกให้เช่าห้องพักในงานรับปริญญา โดยครูฟู่อาศัยโปรไฟล์ในอดีตที่เคยเป็นครูดีเด่น สร้างความน่าเชื่อถือในการหลอกลวง ซึ่งมีผู้ตกเป็นเหยื่อกว่า 100 ราย โดยล่าสุด ช่วงวันที่ 3-5 ก.พ. 66 ที่ผ่านมาจะมีการแข่งขันงานศิลปหัตถกรรมนักเรียนระดับชาติ ครั้งที่ 70 ที่จังหวัดน่าน ทำให้หลายโรงเรียนในทุกภูมิภาค พากันหาจองห้องพักพานักเรียนไปร่วมกิจกรรมแข่งขัน ครูฟู่เห็นช่องทางดังกล่าว ได้หลอกลวงเหล่าคุณครูที่ต้องการพาเด็กไปร่วมกิจกรรมนี้ที่ จ.น่าน อ้างว่าตนเองมีที่พักให้เช่าเพื่อนให้เหล่านักเรียนมาร่วมกิจกรรม และใช้โปรไฟล์ในอดีตว่าตนเองเป็นครูดีเด่น และยังมีภาพถ่ายที่สวมเครื่องแบบชุดข้าราชการครู ทำให้เหยื่อต่างหลงเชื่อ ทำให้ผู้เสียหายเสียทรัพย์สินเงินทองและเป็นการ “ตัดโอกาส” เหล่าเด็กๆที่จะไปร่วมทำกิจกรรมอีกด้วย และมีการหลอก “นวดเสียว” แนว LGBTQ+ ด้วย โดยครูฟู่หลบเลี่ยงการจับกุมมาเป็นเวลาหลายปี ใช้ชีวิตเปลี่ยนถิ่นที่พักอาศัยทุก 2 สัปดาห์ ตระเวนก่อเหตุอยู่เรื่อยมากระทั่งถูกออกหมายจับรวม 4 หมาย ต่อมาชุดสืบสวนนครบาลจึงส่ง สายลับแฝงตัวไปเป็นลูกค้านวด กว่า 1 เดือน จนทราบเบาะแสว่าครูฟู่กินอยู่กับแฟนหนุ่มละแวกพื้นที่ ซ.วัชรพล เขตรามอินทรา จ.กรุงเทพฯ ใช้ชีวิตหลบๆซ่อนๆ ออกจากห้องพักเพียงวันละ 1 ครั้งและหมกมุ่นอยู่กับการเล่นการพนันออนไลน์ ปั่นสล็อต ผ่านทางโทรศัพท์มือถือ และไม่ทำงานทำการใดๆ จึงวางแผนเข้าจับกุมตัวได้ในที่สุด
สอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ตนจบปริญญาตรีได้เกียรตินิยมอันดับ 1 จากมหาวิทยาลัยชื่อดังและได้เป็นครูอัตราจ้าง ในโรงเรียนชื่อดัง จนในปี 2555 สอบบรรจุได้ตำแหน่งหน้าห้อง ผอ.โรงเรียน จนมีเรื่องราว เกี่ยวกับการขอยืมเงิน และตนก็ได้ย้ายไปอยู่โรงเรียนอื่น และมีโอกาสไปช่วยงานในกระทรวงศึกษาธิการ และแต่งบทอาสิละวาศ จนได้รับรางวัลครูดีเด่นประจำปี และได้รับฉายา สุนทรฟู่ ต่อมามีการเปลี่ยนผอ.โรงเรียนคนใหม่ และไม่ลงรอยกัน ตนถูกใช้งานหนักจนป่วย จึงตัดสินใจไม่ไปโรงเรียนจนถูกตั้งคณะกรรมการสอบและถูกไล่ออก ไม่ยอมรับว่าช่วงนั้นติดแฟนหนุ่ม ติดการพนันด้วย จนถึงขั้นยืมเงินนักเรียนและครูที่รู้จัก ให้มาครั้ง 1-2 พัน บางรายให้ 4 พัน และตนก็ไม่ได้คืนเงินให้ นักเรียนด้วย จนถูกเพื่อนๆเมินหน้าหนี และหันมาก่อเหตุหลอกลวงโดยเห็นช่องทางมีคนกำลังหาที่พัก เลยหลอกเอาเงินมัดจำผ่านเฟสบุ๊ค ก่อเหตุเรื่อยมา มีมูลค่าหลายหมื่นบาท ที่ทำไปเพระหิว และรู้สึกผิดอยากชดใช้กรรม ขณะถูกจับกุมครูฟู่แต่งกลอนสดต่อหน้าเจ้าหน้าที่ว่า “ก่อนจะทำสิ่งใดขอให้คิด อย่าพลาดผิดจนชีวิตคิดถลำ ทำสิ่งใดประกอบด้วยเวรกรรม และเน้นย้ำทำกรรมดีอย่างที่เป็น หากพลาดผิดไปแล้วไม่แล้วโทษ จากเป็นโจทก์ตกจำเลยคนเหยียบย่ำ ขอโอกาสที่มีได้แก้กรรม จะกระทำแต่สิ่งดีเพื่อสังคม” เบื้องต้นจึงนำตัวส่ง สน.บางยี่เรือ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ด้าน พล.ต.ต.ธีรเดช ผบก.สส.บช.น. กล่าวว่า “ไม่น่าเชื่อว่าการพนันจะสามารถทำลายชีวิตของคนคนนึงได้ถึงเพียงนี้ เปลี่ยนจาก ผู้ประสาทวิชา กลายเป็น มิจฉาชีพ ได้แบบสุดขั้ว ขอให้การจับกุมในครั้งนี้เป็นการเตือนไปถึงประชาชนถึงภัยร้ายของการพนัน ทรัพย์สินเงินทองที่ออม หรืออนาคตที่วาดฝันไว้ จะหมดไปทันทีเมื่อติดการพนัน และเมื่อไม่มีเงิน ปัญหาทุกอย่างก็จะตามมา และแม้ไม่ใช่คดีอุกฉกรรจ์แต่หากเป็นเรื่องความเดือดร้อนของประชาชน เราทำทันที ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.”