Trust No One Ep.2 ปฏิบัติการล่าขุมทรัพย์ทุนจีนคริปโต

กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี / วันนี้ (26 มิ.ย.66) เวลา 13.30 น. ร่วมแถลงข่าวกรณี Trust No One Ep.2 ปฏิบัติการล่าขุมทรัพย์ทุนจีนคริปโต โดยมี พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท., พล.ต.ต.อำนาจ ไตรพจน์ รอง ผบช.สอท.,พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1 ,พล.ต.ต.ณัฐกร ประภายนต์ ผบก.สอท.2 พล.ต.ต.สถิตย์ พรมอุทัย ผบก.สอท.3, พล.ต.ต.ชูศักดิ์ ขนาดนิด ผบก.ตอท., พ.ต.อ.สุวัฒน์ เกิดแก้ว รอง ผบก.สอท. และ พ.ต.อ.นิคม ชัยเจริญ ผกก.สอท.3 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องร่วมกันแถลงข่าว ณ ห้องประชุมชั้น 2 อาคารเฉลิมพระเกียรติฯ เมืองทองธานี

สืบเนื่องจาก กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ได้รับแจ้งความผ่านระบบรับแจ้งความออนไลน์ เกี่ยวกับคดีหลอกลงทุนไฮบริดสแกม ซึ่งคนร้ายใช้โปรไฟล์ปลอมตีสนิทผู้เสียหายผ่านช่องทางสื่อโซเซียลมีเดียต่าง ๆ ก่อนจะชวนลงทุนในแพลตฟอร์มปลอมสำหรับเทรดเงินสกุลดิจิทัลหรือสินทรัพย์ต่าง ๆ โดยมีผู้เสียหายมากกว่า 20,000 คดี มูลค่าความเสียหายมากกว่า 10,000 ล้านบาท โดยคนร้ายมีการดำเนินการที่ประเทศอื่นรวมถึงมีการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยยากต่อการสืบสวน จึงได้สืบสวนหาคนร้ายตัวจริงที่ใช้บัญชีดังกล่าว โดยมีการประสานความร่วมมือกับหน่วยงานกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิสหรัฐ หรือ Homeland Security Investigation (HSI) รวมถึงหน่วยงานต่างประเทศและภายในประเทศ กระทั่งได้ข้อมูลที่เชื่อมโยงไปสู่คนร้ายตัวจริง คือ นายซู (Mr.Shaoxian Su) ชาวสัญชาติจีนพักอาศัยอยู่บ้านหรูราคาประมาณ 67 ล้านบาท เลขที่ 55/2 โครงการหมู่บ้าน The Palazzo ศรีนครินทร์ จากการเฝ้าติดตามพฤติกรรมของนายซู และนางสาวยี่ (Ms.KEYI YE) (เพื่อนสาวคนสนิท) นำมาสู่ ปฏิบัติการ Trust No one ล่าข้ามโลก เข้าตรวจค้นและตรวจสอบสถานที่บ้านพักหรู แบ่งเป็นจุดที่ทำการตรวจค้นตามหมายค้น จำนวน 6 จุด แบ่งเป็นภายในโครงการหมู่บ้าน The Palazzo ศรีนครินทร์ จำนวน 5 จุด สามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ ได้ 2 ราย คือ นายเซาเซียน ซู Mr.Shaoxian Su และนางคียิ ยี Ms.Keyi Ye พร้อมทำการตรวจยึดของกลางรถยนต์หรู, กระเป๋าแบรนด์เนม, ทองรูปพรรณ, เงินสด, ตุ๊กตา Bearbrick, คอมพิวเตอร์, โทรศัพท์เคลื่อนที่, สมุดบัญชีธนาคารและบัตรเอทีเอ็ม พร้อมยึดของกลางอื่น อีกหลายรายการ

            ต่อมาได้มีการสืบสวนขยายผลพยานหลักฐานจากการปฏิบัติการข้างต้น จนพบความเชื่อมโยงว่ามีการใช้               นอมินีคนไทยจดทะเบียนบริษัทและถือหุ้นแทนอีกหลายบริษัท แล้วนำมาซื้ออสังหาริมทรัพย์หรูจำนวนหลายแห่ง พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. จึงสั่งการให้ พล.ต.ต.อำนาจ ไตรพจน์ รอง ผบช.สอท. และ พล.ต.ต.สถิตย์ พรมอุทัย ผบก.สอท.3  ขอหมายค้นศาลอาญา และนำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ บช.สอท. เข้าทำการตรวจค้นอสังหาริมทรัพย์ เป็นบ้านและคอนโดหรู จำนวน 10 เป้าหมาย ดังนี้

-2-

1. จุดที่ บ้านเลขที่ 69/7 หมู่บ้าน นาราสิริ กรุงเทพกรีฑา ซอยกรุงเทพกรีฑา 15 (ประชาร่วมใจ) แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร

2. จุดที่ 2 บ้านเลขที่ 69/11 หมู่บ้าน นาราสิริ กรุงเทพกรีฑา ซอยกรุงเทพกรีฑา 15 (ประชาร่วมใจ) แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร

3. จุดที่ 3 บ้านเลขที่ 69/12 หมู่บ้าน นาราสิริ กรุงเทพกรีฑา ซอยกรุงเทพกรีฑา 15 (ประชาร่วมใจ) แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร

4. จุดที่ 4 บ้านเลขที่ 69/13 หรือ 69/88 หมู่บ้าน นาราสิริ กรุงเทพกรีฑา ซอยกรุงเทพกรีฑา 15 (ประชาร่วมใจ) แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร

5. จุดที่ 5 บ้านเลขที่ 95/146 หมู่บ้าน บุราสิริ กรุงเทพกรีฑา ซอยกรุงเทพกรีฑา 15 (ประชาร่วมใจ) แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร

6. จุดที่ 6 บ้านเลขที่ 95/152 หมู่บ้าน บุราสิริ กรุงเทพกรีฑา ซอยกรุงเทพกรีฑา 15 (ประชาร่วมใจ) แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร

7. จุดที่ 7 บ้านเลขที่ 95/176 หมู่บ้าน บุราสิริ กรุงเทพกรีฑา ซอยกรุงเทพกรีฑา 15 (ประชาร่วมใจ) แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร

8. จุดที่ 8 ห้องเลขที่ 114/125 อาคารชุดมหานคร ถนนนราธิวาสราชนครินทร์ แขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร

9. จุดที่ 9 บ้านเลขที่ 208 หมู่ที่ 8  ตำบลเทพารักษ์ อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ

10. จุดที่ 10 บ้านเลขที่ 153/7 หมู่ที่ 10 ตำบลหนองปรือ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี

ผลการตรวจค้นสามารถตรวจยึดเอกสารหลักฐานที่มีความเชื่อมโยงได้จำนวนมาก ซึ่งจะนำมาสืบสวนขยายผลหาแหล่งที่มาและเส้นทางการเงินที่นำมาซื้ออสังหาริมทรัพย์ดังกล่าวที่เป็นบ้านและคอนโดหรู                         ซึ่งรวมมูลค่ากว่า 500 ล้านบาท หากมีความเกี่ยวข้องหรือได้มาจากการกระทำความผิดในลักษณะความผิดฐานฟอกเงิน ก็จะดำเนินการยึดอายัดต่อไป

ทั้งนี้ นิติบุคคลต่างด้าวซึ่งประกอบธุรกิจที่ต้องห้ามและที่ต้องขออนุญาต คนต่างด้าวซึ่งเป็นกรรมการของนิติบุคคลในฐานะส่วนตัว และคนไทยซึ่งมีพฤติการณ์ให้ความช่วยเหลือโดยการถือหุ้นแทนคนต่างตัาวเพื่อให้คนต่างด้าวประกอบธุรกิจได้โดยหลีกเสี่ยงหรือฝ่าฝืนกฎหมาย  หรือกระทำการในลักษณะถือหุ้นแทนเพื่ออำพรางแหล่งที่มาของเงินทุนในการประกอบธุรกิจ ทำให้คนต่างด้าวสามารถประกอบธุรกิจซื้อขายที่ดินและบริการให้เช่าที่ตินพร้อมสิ่งปลูกสร้างได้  จะมีความผิดฐาน “เป็นคนต่างด้าวประกอบธุรกิจต้องห้ามหรือต้องขออนุญาต เป็นกรรมการหรือผู้มีอำนาจกระทำการแทนนิติบุคคลรู้เห็นเป็นใจในการกระทำผิดของนิติบุคคล และเป็นผู้มีสัญชาติไทยถือหุ้นแทนคนต่างด้าวในนิติบุคคลเพื่อให้คนต่างด้าวประกอบธุรกิจได้โดยโดยหลีกเสี่ยงหรือฝ่ฝืนต่อกฎหมาย ตามพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 มาตรา 4 (3) (ก) มาตรา 8 (1) (2) มาตรา 36 มาตรา 37 มาตรา 41  ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับตั้งแต่ 100,000 ถึง 1,000,000 บาท และยังมีโทษปรับรายวันอีกวันละ 10,000-50,000 บาท จนกว่าจะเลิกฝ่าฝืน และกรรมการบริษัท ก็มีความผิดด้วย