เมื่อเวลา 13.15 น. วันที่ 26 พ.ค.66 ที่ สโมสรตำรวจ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เปิดเผยถึงกรณีที่ น.ส.ธันย์นิชา เอกสุวรรณวัฒน์ หรือ ทนายพัช ทนายความของนางสรารัตน์ หรือ แอม รังสิวุฒาภรณ์ ระบุว่าจะมีการดำเนินคดีฟ้องร้องเจ้าหน้าที่สอบสวนชุดคลี่คลายคดีแอม เนื่องจากมีพฤติการณ์ข่มขู่ให้ผู้ต้องหา (แอม สรารัตน์) รับสารภาพนั้น โดย รอง ผบ.ตร. ระบุว่า การสอบปากคำผู้ต้องหาทุกครั้งในเรือนจำ ส่วนใหญ่เป็นการร้องขอของผู้ต้องหาเอง และยืนยันด้วยว่าทุกครั้งที่สอบ พนักงานสอบสวนไม่ได้มีการข่มขู่ หรือขู่เข็ญ เพราะปัจจุบันแอมเองก็ยังไม่ได้รับสารภาพ ทั้งยังปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ส่วน พ.ร.บ.อุ้มหายฯ สร้างขึ้นมาเพื่อใช้กับตำรวจนอกรีต แต่ไม่ใช่กับคณะทำงานของคดีนี้แน่นอน เพราะคดีนี้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้มีการตั้งคณะทำงานขึ้นมาในรูปแบบคณะกรรมการโดยให้ตนกำกับ อย่างเป็นไปตามมาตรฐานวิชาชีพ ยึดผลประโยชน์ของประชาชน ประเทศชาติเป็นหลัก แต่หากทนายพัชยืนยันว่าจะฟ้องก็ฟ้องไป ตนไม่มาเสียสมาธิกับเรื่องแบบนี้ แต่สุดท้ายเจ้าตัวก็ต้องจำนนต่อหลักฐาน เพราะคดีนี้เจ้าหน้าที่ได้มีการรวบรวมพยานหลักฐานมาไกลแล้ว และถ้าหลักฐานไม่เพียงพอ ศาลคงไม่ออกหมายเรียกผู้ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงทนายด้วย และที่สำคัญถ้าในขั้นตอนการสอบสวนมีการบังคับ คงมีพยานอีกจำนวนหลายปากที่โดนบังคับหมด
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เผยอีกว่า ในกรณีนี้เรื่องกฎหมายก็เป็นส่วนหนึ่ง แต่เวรกรรมมันมีจริง ทุกอย่างเป็นไปตามกติกาบ้านเมือง และตนไม่คิดจะฟ้องกลับ เพราะไม่ได้เป็นคู่ขัดแย้งกับใคร รวมทั้งคดีนี้จะเป็นคดีตัวอย่างเพื่อให้สังคมได้เห็นว่าพยานหลักฐานใดไปมัดในข้อเท็จจริงใด
ทั้งนี้ เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ทนายพัช เคยระบุว่า ตนเองจะดำเนินการยื่นคำร้องขอต่อศาล เนื่องจากพบว่าเจ้าหน้าที่มีการใช้สิทธิละเมิดต่อกฎหมาย ด้วยการบังคับผู้ต้องหาให้รับสารภาพ ซึ่งขัดต่อพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 ที่บังคับให้จำเลยและผู้ต้องหารับสารภาพ ซึ่งถือเป็นการกระทำมิชอบ