วันที่ 25 พ.ค.66 เวลา 13.00 น. ภายใต้การอำนวยของ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น., พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น., พล.ต.ต.สมบูรณ์ เทียนขาว รอง ผบช.น., พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ พร้อมด้วย พล.ต.ต.พงศ์อานันต์ คล้ายคลึง ผบก.น.9 แถลงข่าวจับกุมคนร้ายก่อเหตุชิงทรัพย์ร้านค้าทองเยาวราช ทองมูลค่า66บาท พร้อมทำแผนชี้จุดประกอบคำรับสารภาพ ณ ร้านค้าทองเยาวราชกรุงเทพ ห้างสรรพสินค้าโลตัสสาขาบางแค ถ.เพชรเกษม บางแคเหนือ เขตบางแค กทม.
โดยเมื่อวันที่ 24 พ.ค.66 พ.ต.อ.วุฒิไกร จตุรงค์เสรีกุล ผกก.สน.หลักสอง รับแจ้งเหตุคนร้ายชิงทรัพย์ร้านทองเยาวราชกรุงเทพ สาขาโลตัสบางแค ถนนเพชรเกษม แขวงบางแคเหนือ เขตบางแค กรุงเทพฯ จึงไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน และฝ่ายป้องกันปราบปราม สน.หลักสอง และเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน
ที่เกิดเหตุอยู่ภายในห้างดังกล่าว พบพนักงานร้านทองยังอยู่ในอาการตื่นตระหนก จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบว่า คนร้ายเป็นชาย 1 คน สวมหมวกกันน็อกเต็มใบสีดำ สวมเสื้อแขนยาวสีน้ำตาลแดง นุ่งกางเกงขายาวสีเข้ม รองเท้าผ้าใบสีดำ ได้กระโดดผ่านหน้าเคาน์เตอร์เข้าไปชิงทอง ขณะที่พนักงานอยู่ที่ร้านประมาณ 3 คน และขู่บังคับไม่ให้กดกริ่งสัญญาณ โดยในมือได้ถืออาวุธปืน ก่อนชิงทองคำรูปพรรณไป ยังไม่ทราบจำนวน แล้ววิ่งหลบหนีไปขึ้นรถยนต์ ยี่ห้อโตโยต้า สีขาวรุ่นเก่า หมายเลขทะเบียน ฉต 2130 กรุงเทพมหานคร โดยขับมุ่งหน้าไปทางถนนเพชรเกษมขาเข้า
ทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน บก.สส.บช.น. และฝ่ายสืบสวน บก.น.9 ได้เร่งติดตามตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยได้เข้าจับกุมตัว นายธิตินันท์ ธนวีระวัชรกุล อายุ 35 ปี ได้ที่บ้านพักโครงการหมู่บ้านเอื้ออาทร บางบัวทอง อาคาร21 อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ซึ่งเบื้องต้นผู้ต้องหาได้ให้การรับสารภาพว่าตนมีหนี้สินกับทางธนาคารกว่าแสนบาท หาทางออกให้กับชีวิตไม่ได้เลยตัดสินใจ ตระเวณหาร้านทองเพื่อก่อเหตุ ก่อนหน้าที่จะทำการเข้าก่อเหตุในร้านทองที่เป็นข่าวนั้น ในวันเดียวกันตนได้ มุ่งหน้าไปร้านทองที่อาศัยอยู่ในห้างใกล้เคียงกับละแวกเดียวกันกับที่ก่อเหตุ แต่ร้านดังกล่าวมีการป้องกันภัยที่แน่นหนา มีประตูอัตโนมัติ และทางร้านได้ไหวตัวทันตนเลยเปลี่ยนเป้าหมายจนมาถึงร้านดังกล่าว มีลักษณะร้านที่เปิดโล่ง มีการป้องกันที่ไม่หนาแน่นเลยทำให้ตนเลือกร้านดังกล่าวในการก่อเหตุ และจากการก่อเหตุที่ร้านทองเยาวราชกรุงเทพ ซึ่งอยู่ภายในห้างโลตัสสาขาบางแคนั้น ผู้ต้องหา กวาดสร้อยคอทองคำของกลางไปกว่า 66 บาท แต่ในการแถลงข่าวได้มีของกลางที่จับคืนได้มา 60 บาท กับอีก 3 ท่อน (ซึ่งอาจหล่นหาในระหว่างการหลบหนี)
โดยนางสาวสุนิศา แซ่หว่อง เป็นพนักงานขายภายในร้านทองเยาวราชกรุงเทพ แจ้งว่า เมื่อเวลาประมาณ 14.45น. ขณะที่ทำงานอยู่ที่ร้านฯ ได้มีชายคนร้าย จํานวน 1 คน สวมหมวกกันน็อคแบบ เต็มใบ สีคำเข้ามาที่ร้านถือวัตถุคล้ายอาวุธปืน แล้วพูดว่า “ถ้าไปกดออดจะยิง” แล้วได้กระโดดขึ้นเหยียบบนตู้ กระจก เปิดกระจกแผงใส่สร้อยคอทองคํา แล้วหยิบเอาสร้อยคอ ไป เบื้องต้น ตอนนั้นตนไม่ทราบจำนวน และวิ่ง หลบหนีออกทางประตูลานจอดรถด้านหลังของห้าง ในระหว่างนั้น นาย วิเชียร ศรีแสงจันทร์ อายุ 67 ปี เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ที่ เข้าไปช่วยจับคนร้าย เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุไม่ได้มีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น แต่จู่ๆ เห็น คนร้ายเดินเข้ามา ที่ร้านทอง อย่างรวดเร็ว เและ กระโดดขึ้นตู้กระจก ไปกวาดทองรูปพรรณ จึงเข้าไปช่วยเหลือ ด้วยการดึงจับ เท้าคนร้าย แต่คนร้ายได้พยายามสะบัดเท้าก่อนหลบหนีไป ส่วนตัวไม่ได้รู้สึกกลัว เพราะ เป็นการทำหน้าที่รักษาความปลอดภัย โดยเกรงว่าคนในร้านจะไม่ปลอดภัยมากกว่า ยืนยันว่าทำงานรักษาความปลอดภัยตามหน้าที่ไม่ได้ทำเพราะหวังรางวัลจากร้านก่อนที่คนร้านได้ขับรถยนต์ ไม่ทราบยี่ห้อ คันสีขาว หลบหนีไปในเวลาต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนจึงได้ตรวจสอบที่เกิดเหตุ ทราบว่าผู้ก่อเหตุได้แต่งกายโดยสวมหมวกกันน็อคแบบ เต็มใบ สีดา, สวมเสื้อเชิ้ตแขนยาว สีแดง, สวมกางเกงยีนส์ ขายาว สีดำ, สวมถุงมือสีดำ, สวมรองเท้าผ้าใบสีดำ พร้อมทั้งได้ตำหนิรูปพรรณใบหน้าผู้ก่อเหตุ และรถยนต์ที่ใช้หลบหนีคือรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า สีขาว คันหมายเลขทะเบียน ฉด 2130 กรุงเทพมหานคร เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนได้ออกสืบสวน ติดตามจนทราบที่กบดานและบุกจับกุมตัวคนร้ายได้ในเวลาต่อมา
พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. ได้ฝากเตือนภัยผู้ประกอบการร้านทอง ถึงเรื่องการติดตั้งประตูเตือนภัยอัตโนมัติ และ การเฝ้าระวังอื่นๆ ที่จะช่วยป้องกันจากการโดนบุกปล้นในรูปแบบเดียว ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะพยายามตรวจตราอย่างรัดกุม และ ทั่วถึง ซึ่งปัจจุบันก็ได้ตระหนักเรื่องนี้อยู่แล้ว