เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 23 พฤษภาคม ที่กองบังคับการตำรวจนครบาล 3 พล.ต.ต.สำเริง สวนทอง รอง ผบช.น. พล.ต.ต.สราวุธ จินดาคำ ผบก.น.3, พ.ต.อ.ถนัด นักธรรม รอง ผบก.บก.น.3 พ.ต.อ.นิเวชร์ งามลาภ ผกก.กก.สส.3 ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ชุดปราบปรามยาเสพติด บก.น.โดย พ.ต.อ.สุทธิพร สุกก่ำ ผกก (สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน บก.น.3, พ.ต.ต.สมมาตร คงทอง สว.ฝอ.บก.น.3หัวหน้าชุดปราบปรามยาเสพติด บก.น.3 ,พ.ต.ต.มนตรี ตรีทองนวล สว.สส.สน.ประชาสำราญ, ร.ต.อ.พิทยา ขุนนวล, ร.ต.อ.ธวัชชัย สิทธิฤทธิ์ รอง สว.กก.สส.บก.น.3 ได้ร่วมกันจับกุมตัว นายภาณุพงศ์ หรือโจ๊ก ลือคำหาร อายุ 22 ปี และนายปริญญา หรือออฟ เมืองแก อายุ 22 ปี
พร้อมของกลาง ยาบ้า 2,488,000 เม็ด ,อาวุธปืนขนาด .38 จำนวน 1 กระบอก, เครื่องกระสุนปืนขนาด .38จำนวน 6 นัด, อาวุธปืนยาว (ลูกซอง)จำนวน 1 กระบอก, โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อ เรียวมี่ 10 โปร, โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อ OPPO A74 ข้อหา “มีอาวุธปืน และเครื่องกระสุนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1(ยาบ้า หรือเมทแอมเฟตามีน) โดยมีไว้เพื่อจำหน่ายอันเป็นการกระทำเพื่อการค้าโดยไม่ได้รับอนุญาต และก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชนโดยผิดกฎหมาย”โดยจับกุมผู้ต้องหาที่ ได้ที่บริเวณ บ้านเลขที่ 101/1487หมู่ 7การเคหะฉลองกรุง แขวงลำผักชี เขตหนองจอก กรุงเทพฯ
สืบเนืองจากเมื่อวันที่ 22 พ.ค.เจ้าหน้าที่ ชปส.บก.น.3พร้อมหมายค้นศาลอาญามีนบุรี ได้นำกำลังไปตรวจค้นบ้านเลขที่ 101/1487หมู่ที่ 7เคหะชุมชนฉลองกรุง แขวงลำผักชี เขตหนองจอก กรุงเทพมหานคร เมื่อไปถึงบริเวณดังกล่าว พบนายภาณุพงศ์ หรือโจ๊ก และ นายปริญญา หรือออฟยืนอยู่หน้าบ้าน มีพิรุธต้องสงสัยว่าจะมีสิ่งผิดกฎหมายซุกซ่อนอยู่ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แสดงตัวและแสดงหมายค้น ให้ผู้ต้องหาทั้ง 2 ดู จากการตรวจค้นภายในบ้านหลังดังกล่าว พบอาวุธปืน, เครื่องกระสุนปืนจำนวนมาก ภายในห้องนอนชั้น 2 ของบ้าน ยังพบยาบ้าซุกซ้อนอยู่เป็นจำนวนมาก นอกจากจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังตรวจพบโทรศัพท์มือถือของ มีข้อมูลการติดต่อซื้อขายยาเสพติด และรายการคำสั่งส่งยาเสพติดให้กับลูกค้าอีกด้วย เจ้าหน้าที่ จึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองมาสอบปากคำที่กองบังคับการตำรวจนครบาล 3
จาก การสอบสวนผู้ต้องหาทั้งสองคนให้การรับสารภาพว่า ยาบ้าทั้งหมดมี นายอ๊อฟ หนองจอก เป็นคนสั่งการให้เก็บดูแลรักษายาเสพติดเพื่อรอส่งมอบให้กับลูกค้าตามที่ นายอ๊อฟ สั่ง โดยจะได้ค่าจ้างครั้งละ 30,000 บาท จากนั้นจะนำเงินดังกล่าวมาแบ่งกัน เหตุที่ต้องกระทำดังกล่าวเพราะเดือดร้อนเงิน เนื่องจากต้องนำเงินไปใช้จ่ายค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน เลี้ยงดูบุตร โดยเจ้าหน้าที่นำตัวผู้ต้องหาพร้อมด้วยของกลางส่งพนักงานสอบสวน สน.ลำผักชี ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
