ตีกันดับคาวงเหล้า หลังแบ่ง ‘ยาบ้า’ เสพไม่ลงตัว

วันที่ 17 พฤษภาคม 2566 ร.ต.อ.สุวิทย์ บุญวรนุช ร้อยเวร สภ.บรรพตพิสัย จ.นครสวรรค์ ได้รับแจ้งเหตุว่ามีคนถูกฆ่าตายอยู่ภายในบริเวณบ้านแห่งหนึ่งในพื้นที่หมู 5 ต.บึงปลาทู อ.บรรพตพิสัย จ.นครสวรรค์ จึงเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมกับแพทย์เวร เจ้าหน้าที่หน่วยพิสูจน์หลักฐาน และเจ้าหน้าที่อาสาหน่วยกู้ภัยในพื้นที่

ที่เกิดเหตุที่ได้รับแจ้ง เป็นบ้านปูนชั้นเดียว ไม่มีรั้วรอบขอบชิด ทางเจ้าหน้าที่จึงได้เดินเข้าไปตรวจสอบศพของนายพีรพงษ์ หมอเพชร์ อายุ 40 ปี นอนหงายเสียชีวิตอยู่ที่บริเวณหน้าบ้าน ในสภาพศพมีรอยถูกทุบด้วยของแข็งเข้าที่ศีรษะอย่างแรงจนกระโหลกยุบ ทางเจ้าหน้าที่แพทย์เวร พร้อมด้วยหน่วยพิสูจน์หลักฐานจึงได้ร่วมกันตรวจสอบสภาพศพ และที่เกิดเหตุอย่างละเอียด ก่อนจะนำศพส่งไปเก็บไว้ยังโรงพยาบาลบรรพตพิสัย เพื่อรอตรวจรายละเอียดอีกครั้ง ส่วนผู้ก่อเหตุในครั้งนี้ ทราบว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สามารถควบคุมตัวคนร้ายไว้ได้แล้ว คือ นายพิชิต ผิวพิมพ์ดี อายุ 30 ปี เป็นเพื่อนบ้านที่มีบ้านอยู่ห่างจากบ้านคนตายไปประมาณ 100 เมตรเท่านั้น ซึ่งได้ถูกเจ้าหน้าที่นำตัวไปสอบสวนยังโรงพักแล้ว และในเบื้องต้น ทราบว่า เหตุเกิดจากการเมาทะเลาะวิวาทกัน

จากการสอบถามทั้งญาติผู้เสียชีวิต และญาติคนก่อเหตุ ต่างให้การว่า นายพีรพงษ์ เพิ่งย้ายจาก จ.เชียงราย กลับมาอยู่บ้านพี่สาวที่ อ.บรรพตพิสัย จ.นครสวรรค์ ได้เพียง 3 เดือนเท่านั้น และมีอาชีพรับจ้างเป็นช่างเดินสายไฟ ส่วนนายพิชิต ผู้ก่อเหตุ ก็เป็นเพื่อนสนิทกับคนตาย และทำงานอยู่ด้วยกัน และหลังเลิกงานทั้งคู่ มักจะนั่งกินดื่มสุราด้วยกันเกือบทุกวันอยู่หน้าบ้านผู้ตาย ซึ่งเมื่อคืนนี้ ก็มีผู้พบเห็นว่า นายพีรพงษ์และนายพิชิต นั่งดื่มเหล้าอยู่ด้วยกันก่อนจะมีคนมาพบว่า นายพีรพงษ์กลายเป็นศพถูกตีหัวในตอนเช้า

ต่อมา ผู้สื่อข่าวจึงได้เดินทางไปยัง สภ.บรรพตพิสัย เพื่อติดตามความคืบหน้าในคดี พบทางเจ้าหน้าที่กำลังสอบปากคำนายพิชิต ผู้ต้องหาที่ก่อเหตุฆ่านายพีรพงษ์ โดยมีการตรวจยึดของกลาง คือ จอบ ที่อยู่ในบ้านคนตายถูกใช้เป็นอาวุธสังหาร ด้วยการทุบตีอย่างรุนแรง ซึ่งในเบื้องต้น นายพิชิตให้การอ้างว่า นั่งดื่มเหล้ากันอยู่กับผู้ตายเพียงสองคน แล้วจู่ๆ ก็เกิดมีปากเสียงทะเลาะกัน จนถูกผู้ตายทำร้ายด้วยการบีบคอหวังจะฆ่าให้ตาย จึงต้องดิ้นเอาตัวรอดก่อนจะรีบไปคว้าจอบมากระหน่ำตีนายพีรพงษ์จนเสียชีวิตแล้วจึงรีบหนีกลับไปบ้าน จนทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไปติดตามจับกุมตัวได้

นายพิชิต เปิดปากให้การรับสารภาพว่า “ผมเป็นคนลงมือฆ่าเอง มันต้องตีให้ตาย เพราะถ้าเขาไม่ตาย ผมก็ต้องตายเหมือนกัน เนื่องจากตอนนั้น เขาใช้มือบีบคอผมแรงมาก แรงจนลูกกระเดือกในคอผม แทบจะหลุดจากคอ ซึ่งผมก็รวบรวมกำลังเฮือกสุดท้าย ดิ้นสลัดสะบัดจนหลุดจนได้ จึงได้รีบไปคว้าจอบที่อยู่ใกล้ๆ กันมากระหน่ำตีคนตายอย่างสุดแรงเกิดไป 3 ที จนกลายเป็นศพอย่างที่เห็น”

เมื่อสอบถามรายละเอียดลงลึกเข้าไป ถึงเรื่องทะเลาะวิวาทกัน นายพิชิต ยอมเปิดปากให้การแบบหมดเปลือกว่า “ผมกับผู้ตายมักจะมานั่งดื่มกินกันเป็นประจำทุกวัน นอกจากจะมีการดื่มเหล้าขาวแล้ว ยังมีการร่วมกันเสพยาบ้าด้วย และเรื่องทะเลาะกันเมื่อวานนี้ ก็เกิดจากการแบ่งยาบ้ากันเสพไม่ลงตัว จึงเกิดมีปากเสียงแล้วกลายเป็นเรื่องบานปลายทำให้เกิดการฆาตกรรมดังกล่าว” ซึ่งเรื่องนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหาฆ่าคนตาย และเสพยา แก่นายพิชิตก่อนจะมีการสรุปสำนวนคดี ในการดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป