ปฎิบัติการ “ชัตดาวน์เครือข่ายอั้งยี่ มาเฟียพนันออนไลน์ เป็นต่อกรุ๊ป”

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้มอบหมายให้ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ภายใต้อำนวยการ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ท.สันติ ชัยนิรามัย จเรตำรวจ(สบ 8) ปฏิบัติราชการ บช.ก., พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป., พล.ต.ต.อธิป พงษ์ศิวาภัย ผบก.ปอท., พล.ต.ต.อนันต์ นานาสมบัติ ผบก.ปคบ., พล.ต.ต.ศารุติ แขวงโสภา ผบก.ปคม., พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผบก.ปอศ., พล.ต.ต.วัชรินทร์ พูสิทธิ์ ผบก.ปทส. และ ปปง. เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ป., บก.ปอท., บก.ปคบ., บก.ปคม., บก.ปอศ. และ บก.ปทส. ร่วมกันจับกุม ผู้ต้องหา ทั้งหมด 57 ราย (64 หมายจับ) ซึ่งต้องหากระทำความผิดฐาน “อั้งยี่, ร่วมกันจัดให้มีการเล่นการพนันฯ, สมคบกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินฯ และ ร่วมกันฟอกเงิน

พฤติการณ์ นับแต่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้มอบหมายให้ ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ดำเนินการตรวจสอบคดี พ.ต.ท.วสวัตติ์ฯ หรือสารวัตรซัว อดีตข้าราชการตำรวจ หลังจากมีประเด็นกรณีเป็นเจ้าของเครือข่ายพนันออนไลน์รายใหญ่ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับบริษัทในเครือเป็นต่อกรุ๊ป ซึ่งมีพฤติการณ์ในการสนับสนุนธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการพนันออนไลน์ และจัดให้มีการเล่นพนันออนไลน์ ทางตำรวจสอบสวนกลาง จึงได้แต่งตั้งคณะทำงานเป็นการเร่งด่วน ทำการสืบสวนสอบสวนในประเด็นที่เกี่ยวข้อง โดยได้มีการวางแผนการปฏิบัติการออก เป็น 4 ห้วง ดังนี้

ห้วงแรก ในช่วง 3 มี.ค.66 ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) เปิดยุทธการทลายอาณาจักร “ซัว มาเฟียคาสิโนออนไลน์” ทำการตรวจค้น 61 จุด ทั่วประเทศ และออกหมายจับสารวัตรซัว ในข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน โดยการแสดงตนเป็นบุคคลอื่น ตรวจยึดทรัพย์จากผู้ต้องหา อาทิ รถยนต์หรู จำนวน 3 คัน, โฉนดที่ดินรวมกว่า 446 ไร่, สมุดบัญชีธนาคาร และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ จำนวนกว่า 100 รายการ รวมตรวจยึดทรัพย์สินมูลค่ารวมกว่า 1,400 ล้านบาท

ห้วงสอง เมื่อวันที่ 23 มี.ค.66 ทำการตรวจค้น 9 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯและจันทบุรี เพื่อเก็บพยานหลักฐานสำคัญ และนำบุคคลที่เกี่ยวข้องมาซักถามข้อมูล เพื่อขยายผล

ห้วงที่สาม ในวันที่ 11 เม.ย.66 มีการเปิดปฏิบัติการ เดินหน้าต่อ บุกรัง ยึดทรัพย์ “อาณาจักรซัว มาเฟียคาสิโนออนไลน์” ตรวจค้นเป้าหมายกว่า 16 จุด สามารถจับกุมผู้ต้องหาสำคัญตามหมายจับได้ทั้งสิ้น 3 ราย (กลุ่มคีย์แมน) พร้อมทั้งตรวจยึดทรัพย์สินจากผู้ต้องหา จำนวนกว่า 170 รายการ รวมมูลค่ากว่า 480 ล้านบาท

ในครั้งที่ 4 ห้วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ตำรวจสอบสวนกลาง ได้รวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับเครือข่ายสารวัตรซัวได้ทั้งขบวนการ ตั้งแต่ลูกค้าที่ใช้งานระบบ Askmebet (AMB) และ พนันอื่นๆ ในเครือบริษัทเป็นต่อ กรุ๊ป ในพื้นที่ 18 จังหวัดทั่วประเทศ (เชียงราย, กรุงเทพฯ, สมุทรปราการ, พิจิตร, ลพบุรี, ราชบุรี, เพชรบุรี, กระบี่, อุดรธานี, มหาสารคาม, อุบลราชธานี, ศรีสะเกษ, นครราชสีมา, ปราจีนบุรี, ชลบุรี, จันทบุรี, ตราด และนครศรีธรรมราช) ตรวจค้นเป้าหมายกว่า 39 จุด สามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับได้ทั้งสิ้น 30 ราย ซึ่งผู้อยู่ในเครือข่ายฟอกเงินที่กระทำการด้านธุรกรรมการเงินให้แก่สารวัตรซัว, บัญชีม้ารับเงิน, พนักงานในบริษัท รวมถึงผู้เป็นกรรมการบริษัทและถือครองทรัพย์สินแทน โดยการกระทำของสารวัตรซัวและเครือข่ายเป็นคณะบุคคลปกปิดวิธีการดำเนินการ โดยมุ่งหมายเพื่อการอันมิชอบด้วยกฎหมายอันเป็นความผิดฐานอั้งยี่ ซึ่งศาลได้อนุมัติหมายจับเพื่อดำเนินการตามกฎหมายแล้ว


จากการนำข้อมูล ตลอดระยะเวลา 3 เดือน เครือข่ายมาเฟียการพนันออนไลน์นี้ เป็นองค์กรขนาดใหญ่ พบ พฤติกรรมของสารวัตรซัว มีการก่อตั้งบริษัทที่เกี่ยวข้อง ตั้งแต่ ปี พ.ศ.2559 จนถึงปัจจุบัน รวมกว่า 61 บริษัท ในจำนวนนี้ มี 7 บริษัท ที่เกี่ยวข้องกับการประกอบธุรกิจการพนันและผลิตเว็บการพนันออนไลน์โดยเฉพาะ ที่มีพยานหลักฐานเชื่อมโยงสู่การกระทำความผิด ได้แก่

  1. บริษัท ไวคอมเมิร์ช อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด มีนายภัทรวุธ (กรรมการ)
  2. บริษัท พีที ซอฟแวร์ บายเป็นต่อกรุ๊ป จำกัด มีนายธีรพงศ์ (ผู้ถือหุ้น), นายอุกฤษฎ์(อดีตผู้ถือหุ้น)
  3. บริษัท โกไลฟ์ จำกัด มีนายปกรณ์ (กรรมการ/ผู้ถือหุ้น), นายณรงค์ชัย (ผู้ถือหุ้น)
  4. บริษัท สน๊อคโค จำกัด มีนายปรกรณ์ (กรรมการ/ผู้ถือหุ้น), นายภัทราวุธ(กรรมการ/ผู้ถือหุ้น), นายณรงค์ชัย(กรรมการ/ผู้ถือหุ้น), สว.ซัว (ผู้ถือหุ้น)
  5. บริษัท สน๊อคโค เทคโนโลยี จำกัด มีกรรมการผู้ถือหุ้น นายปกรณ์, นายภัทราวุธ, นายณรงค์ชัย, สว.ซัว
  6. บริษัท ชาโดว์ฮิวโก้ เอเจนซี่ จำกัด มีกรรมการผู้ถือหุ้น นายกุลนัทที
  7. บริษัท เป็นต่อกรุ๊ป โฮลดิ้ง จำกัด มีกรรมการผู้ถือหุ้น นายธีรพงศ์, นายอดิศรฯ, นายอุกฤษฎณ์ และสว.ซัว
    มีหลักฐานในการดำเนินคดี อั้งยี่ และจัดให้มีการเล่นการพนัน เปิดบริษัทมาเพื่ออำพรางปกปิดวิธีการดำเนินการ โดยในปีที่ผ่านมา พบว่าเครือข่ายนี้ มีรายได้จากธุรกิจการพนันกว่า 10,000 ล้านบาท

​จากปฏิบัติการทั้ง 4 ครั้งดังกล่าว ทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 57 ราย (จำนวน 64 หมาย) และยังมีผู้ต้องหาบางส่วนที่หลบหนีต่างประเทศ 19 ราย (จำนวน 24 หมาย) ทำการตรวจยึดอายัดทรัพย์สิน ได้แก่ เงินสด จำนวน 33 ล้านบาท,ที่ดินจำนวน 1,298 ไร่ (มูลค่าประมาณ 6,000 ล้านบาท), บัญชีธนาคาร 236 บัญชี (มูลค่า 760 ล้านบาท) , รถยนต์หรู 15 คัน (มูลค่าประมาณ 52,844,000 บาท) และเหรียญสกุลเงินดิจิทัลกว่า 100 ล้านบาท