เมื่อวันที่ 11 พ.ค.66 พล.ต.ท. วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. , พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ , พล.ต.ต.อำนาจ ไตรพจน์ รอง ผบช.สอท. และ พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1 นำกำลังเข้าตรวจค้น 2 จุดในพื้นที่กรุงเทพฯ และ จ.จันทบุรี จุดแรกนำกำลังเข้าตรวจค้นบ้านหลังหนึ่ง ซ.รามคำแหง 112 ภายในบ้าน มีนายภัทรวิทย์ อดีตนักบินสายการบินแห่งหนึ่ง และ จุดที่สองบ้านหลังหนึ่ง ต.คลองนารายณ์ อ.เมือง จ.จันทบุรี ซึ่งเป็นบ้านของนายอรรถพล ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 1420 – 1421/2566 ลงวันที่ 10 พ.ค.2566 ในความผิด “กระทำอนาจาร , หมิ่นประมาทได้กระทำโดยการโฆษณาด้วยเอกสาร ภาพวาด ภาพระบายสี ภาพยนตร์ ภาพหรือตัวอักษรที่ทำให้ปรากฏไม่ว่าด้วยวิธีใด ๆ แผ่นเสียง หรือสิ่งบันทึกเสียง บันทึกภาพ หรือบันทึกอักษร กระทำโดยการกระจายเสียง หรือการกระจายภาพ หรือโดยกระทำการป่าวประกาศด้วยวิธีอื่น ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี และปรับไม่เกินสองแสนบาท , นําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ ที่มีลักษณะอันลามกและข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้” จากการตรวจค้นชุดสืบสวนตรวจยึดคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค , โทรศัพท์มือถือและฮาร์ดดิสต์ ไว้เป็นหลักฐาน
สำหรับการจับครั้งนี้สืบเนื่องจากมีผู้เสียหายเข้าร้องทุกข์กับ บช.สอท. ให้ดำเนินคดีกับนายภัทรวิทย์ ซึ่งรู้จักกันผ่านแอปพลิเคชัน อินสตาแกรม , เฟซบุ๊ก , ทินเดอร์ โดยสร้างโปรไฟล์เป็นนักบินสายการบินแห่งหนึ่ง ชักชวนจนตีสนิท จากนั้นก็ได้มีการนัดพาผู้เสียหายไปเปิดห้องพัก ก่อนที่จะมีความสัมพันธ์กัน ต่อมาปรากฎว่าผู้เสียหาย พบว่ามีคลิปภาพในลักษณะอนาจารไปปรากฎในแอปพลิเคชันวีเค และแพลตฟอร์มอื่น ๆ พร้อมกันนี้ยังมีการแปะเฟซบุ๊ค อินสตาแกรมเหยื่อ จึงได้มาร้องทุกข์ดำเนินคดี
หลังรับแจ้งทาง บช.สอท. สืบสวนทราบว่าผู้ก่อเหตุ คือนายภัทรวิทย์ และนายอรรถพล จึงยื่นคำร้องต่อศาลพิจารณาออกหมายค้นและหมายจับอย่างไรก็ตามจากแนวทางสืบสวนพบว่าเมื่อปีที่แล้ว นายภัทรวิทย์ เปิดห้องพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งย่านราชเทวี 13 ครั้ง เป็นสถานที่ในการนัดเหยื่อมาถ่ายคลิปบันทึกภาพขณะมีความสัมพันธ์ นอกจากนี้เมื่อตรวจสอบย้อนหลังพบว่าในปี 2564 มีการเปิดห้องพักที่โรงแรมดังกล่าว 7 ครั้งเช่นกัน ซึ่งสอดรับกับแนวทางสืบสวนที่พบว่ามีการขายคลิปขณะมีเพศสัมพันธ์กับผู้เสียหายซึ่งเป็นหญิงสาวหน้าตาดี ในราคาคลิปละ 3,600 บาท รวมทั้งมีการเปิดสมัครสมาชิกในลักษณะกลุ่มลับ และจากการพิสูจน์ทราบคลิปที่ปรากฏในแอปพลิเคชันวีเค ที่พบว่ามีเหยื่อที่ถูกกระทำในลักษณะเดียวกันกว่า 29 ราย
จากการตรวจสอบประวัติพบ นายภัทรวิทย์ เคยถูกดำเนินคดีในลักษณะเดียวกันที่ สภ.สำโรงเหนือ และมีผู้เสียหายแจังความดำเนินคดีที่ สน.โคกคราม ด้วย ซึ่งนายภัทรวิทย์ เคยทำงานเป็นนักบินของสายการบินแห่งหนึ่ง แต่ปัจจุบันได้ออกจากการเป็นนักบินแล้ว