คาหนังคาเขา!! รวบ 2 หนุ่มลอบเลื่อยไม้พะยูงฝังดิน 21 ท่อน

เมื่อวันที่ 3 พ.ค.2566 นายพรชัย วงศ์งาม นายอำเภอขุนหาญ เปิดเผยว่า ได้รับเเจ้งจากแหล่งข่าวว่า มีการเลื่อยไม้พะยูงและซุกซ่อนไม้พะยูงอยู่บริเวณสวนทุเรียนด้านทิศตะวันออกบ้านห้วยจันทร์ หมู่ 4 ต.ห้วยจันทร์ อ.ขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ “ป่าฝั่งขวาห้วยศาลา” จึงได้สั่งการให้นายจุติเพชร บุญเนตร ปลัดอำเภอ งานป้องกัน/เจ้าพนักงาน ป.ป.ส. เลขประจำตัว 620041 นำกำลัง จนท.สมาชิกกองอาสารักษาดินแดน อ.ขุนหาญ ที่ 6 สนธิกำลัง,จนท.หน่วยพิทักษ์รักษาป่าที่ ศก.1, จนท.ทหาร กกล.สุรนารี ฉก.3 ร่วมกันระดมกวาดล้างอาชญากรรมและเกี่ยวกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับการทำลายทรัพยากรธรรมชาติในเขตพื้นที่รับผิดชอบของ อ.ขุนหาญ ตามแผน”ยุทธการ 238 พิทักษ์นครลำดวน”

เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้พบชาย 2 คน กำลังช่วยกันใช้เลื่อยยนต์ทำการแปรรูปไม้พะยูงท่อนใหญ่ เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเข้าทำการตรวจค้นและสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 2 คนคือ นายภูมิศักดิ์ อายุ 24 ปี ชาวบ้าน ต.ห้วยจันทร์ อ.ขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ และ นายสมศักดิ์ อายุ 22 ปี ชาวบ้าน ต.ห้วยจันทร์ เช่นเดียวกัน พร้อมด้วยของกลางไม้พะยูง จำนวน 1 ท่อนใหญ่ ซึ่งสภาพไม้พะยูงยังสดใหม่ ตรวจยึดของกลาง อุปกรณ์การกระทำผิด เลื่อยโซ่ยนต์ ไม่ทราบยี่ห้อ สีน้ำเงิน-ขาว ไม่มีทะเบียนพร้อมบาร์ยี่ห้อ STIHL เลขบาร์ 30030024500 ขนาดความยาว 18 นิ้ว จำนวน 1 เครื่อง มีด จำนวน 1 ด้าม น้ำมันเบนซิน ประมาณ 1 ลิตร น้ำมันเบนซินผสม น้ำมัน 2T ประมาณ ครึ่งลิตร น้ำมันเครื่องเก่า (น้ำมันดำ) ประมาณครึ่งลิตร

ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ทำการสอบสวนขยายผล ซึ่งผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ได้ให้การรับสารภาพว่า ได้ทำการซุกซ่อนไม้พะยูงไหว้จำนวนหนึ่ง โดยการฝังดินเอาไว้รอบบริเวณที่ถูกจับกุม โดยฝังไม้พะยูงไว้ในเตาเผาถ่าน เจ้าหน้าที่จึงได้ช่วยกันขุดเอาไม้พะยูงขึ้นมาได้ไม้พะยูงขนาดต่าง ๆ รวมทั้งสิ้น จำนวน 21ท่อน/เหลี่ยม ปริมาตร 1.249 ลูกบาศก์เมตร ค่าภาคหลวง 151.60 ค่าเสียหายของรัฐ 473,750 บาท ไม้พะยูงทุกท่อนยังสดใหม่ หากส่งไปขายยังประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งจะมีชาวต่างชาติมารับซื้อโดยตรงจากชาวบ้าน ไม้พะยูงทั้งหมด จะมีราคาประมาณ 2 ล้านบาท

เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาว่า กระทำผิดพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484 มาตรา 11 ฐาน “ร่วมกันทำไม้หวงห้าม โดยไม่ได้รับอนุญาต” มาตรา 69 ฐาน “ร่วมกันมีไม้หวงห้ามอันยังมิได้แปรรูปไว้ในครอบครอง โดยไม่ได้รับอนุญาต” และพรบ.เลื่อยโซ่ยนต์ พ.ศ.2545 มาตรา4 ฐานร่วมกันมีเลื่อยโซ่ยนต์โดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนเลื่อยโซ่ยนต์ จากนั้นได้นำตัวผู้ต้องหาไปส่งมอบให้พนักงานสอบสวน สภ.ขุนหาญ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ส่วนของกลาง นำไปเก็บรักษาไว้ที่ หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ศก.1