พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป., พล.ต.ต.ศารุติ แขวงโสภา ผบก.ปคม., พล.ต.ต.พฤทธิพงศ์ นุชนารถ ผบก.รน., พล.ต.ต.วัชรินทร์ พูสิทธิ์ ผบก.ปทส., พ.ต.อ.พงศ์ปณต ชูแก้ว ผกก.6 บก.ป., พ.ต.ท.อนุสรณ์ ทองไสย รอง ผกก.6 บก.ป., พ.ต.ท.ศิลป์ชัย ถวัลย์ภิญโย รอง ผกก.6 บก.ป., พ.ต.ท.กันตเมศฐ์ อัครโชควรานนท์ รอง ผกก.6 บก.ป. และ พ.ต.ท.วริศร มัจฉา รอง ผกก.6 บก.ป.
เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ท.ทศพล กิติลาภ สว.กก.6 บก.ป., ร.ต.อ.อนุวัฒน์ ณ ปัตตานี รอง สว.กก.6 บก.ป. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.6 บก.ป.
ร่วมกันจับกุมตัว
1.นายประพาสฯ อายุ 44 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญา ที่ 971/2556 ลงวันที่ 4 มิถุนายน 2556 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ด้วยการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากการบังคับใช้แรงงานและได้ลงมือกระทำความผิดตามที่ได้สมคบกัน, ร่วมกันตั้งแต่สามคนขึ้นไปกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ด้วยการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากการบังคับใช้แรงงาน” โดยจับกุมได้ในเรือประมงที่กำลังลอยลำอยู่บริเวณ ปากร่องน้ำปัตตานี ต.แหลมโพธิ์ อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 28 เม.ย.2566 เวลาประมาณ 09.30 น.
2.นายวิชิตฯ อายุ 56 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของ ศาลอาญา ที่ 971/2556 ลงวันที่ 4 มิถุนายน 2556 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ด้วยการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากการบังคับใช้แรงงานและได้ลงมือกระทำความผิดตามที่ได้สมคบกัน, ร่วมกันตั้งแต่สามคนขึ้นไปกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ด้วยการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากการบังคับใช้แรงงาน” โดยจับกุมได้ที่บ้านพักในพื้นที่ อ.ควนกาหลง จ.สตูล เมื่อวันที่ 22 ก.พ. 2566 เวลาประมาณ 14.30 น.
พฤติการณ์ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 28 เม.ย.66 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สนธิกำลังลงเรือตรวจการณ์ออกติดตามจับกุมนายประพาสฯ ผู้ต้องหาตามหมายจับที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น โดยเหตุเกิดระหว่างปี พ.ศ. 2552 – 2554 ต่อเนื่องกันหลายท้องที่ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสืบสวนจนทราบว่า นายประพาสฯทำงานเป็นไต๋เรือประมงอยู่ในพื้นที่ จ.ปัตตานี และกำลังออกทะเลอยู่บริเวณอ่าวไทย เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้นำเรือตรวจการณ์ออกตรวจสอบเรือ 2 ลำ โดยเป็นเรือประมง 1 ลำ และเรือปั่นไฟ 1 ลำ ซึ่งออกทำการประมงคู่กัน โดยเรือตรวจการณ์ตามประกบและเรียกให้เรือของผู้ต้องหาจอด จากนั้นทำการเข้าตรวจสอบเรือดังกล่าว จากการตรวจสอบพบ นายประพาสฯอยู่บนเรือโดยทำหน้าที่ไต๋เรือเพียงลำพัง จึงได้เข้าควบคุมตัวพร้อมแสดงหมายจับให้ผู้ต้องหาทราบ หลังจากการจับกุมเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวนายประพาสฯ กลับเข้าฝั่งเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น นายประพาสฯ ให้การว่าย้อนหลังกลับไปเมื่อราว 10 กว่าปีที่แล้ว เคยเป็นไต๋เรือประมง โดยได้รับว่าจ้างให้นำเรือประมงออกหาปลาในน่านน้ำมาเลเซีย และเคยมีอยู่ครั้งหนึ่งที่เจ้าของเรือประมงได้ฝากลูกเรือติดเรือไปด้วย แต่ก็ไม่ได้รู้ว่าเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์หรือไม่ เพราะตนเองแค่รับลงเรือเท่านั้น และไม่เคยรู้มาก่อนว่าถูกออกหมายจับ แต่ทราบจากญาติว่าเคยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาหาที่บ้านหลายครั้งระหว่างที่ตนเองเอาเรือออกไปกลางทะเลเป็นระยะเวลาหลาย ๆ เดือน ตนเองกับนายวิชิตฯ ซึ่งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมไปก่อนหน้านี้ ได้แยกย้ายกันหลบหนี โดยไม่ใช้โทรศัพท์ ไม่ติดต่อผู้ใดและใช้ชีวิตบนเรือเพียงลำพัง