จับ 2 นักค้ายารายใหญ่ภาคใต้ตอนล่าง ยึดของกลางยาบ้า-ไอซ์ มูลค่ากว่า 11 ล้านบาท

เจ้าหน้าที่วางแผนล่อซื้อและจับกุมขบวนการค้ายาเสพติดในพื้นที่ 6 จังหวัด ภาคใต้ตอนล่างได้ 2 คน ยึดยาบ้ากว่า 3 แสนเม็ด ไอซ์ 4 กิโลกรัม มูลค่ากว่า 11 ล้านบาท

วันนี้ (24เม.ย.66) ที่ สภ.รัตภูมิ จ.สงขลา พล.ต.ท.นันทเดช ย้อยนวล ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 แถลงข่าวการจับกุมขบวนการค้ายาบ้ารายใหญ่ในพื้นที่ 6 จังหวัด ภาคใต้ตอนล่าง ได้ตัวผู้ต้องหาซึ่งทำหน้าที่เป็นนักบินหรือคนเก็บยาและส่งให้ลูกค้าได้สอง รายประกอบด้วย นายทรงยศ อายุ 33 ปี หรือปาล์ม และนายวรวรรณ หรือเค อายุ 35 ปี ยึดยาบ้าได้ 342,000 เม็ด มูลค่ากว่า 10 ล้านบาท และไอซ์ 4 กิโลกรัม มูลค่า 8 แสนบาท และยึดของกลางอื่นๆอีกหลายรายการ

สำหรับปฏิบัติการจับกุมยาเสพติดล๊อตใหญ่ครั้งนี้เริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 19 และวันที่ 20 เมษายนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ชุดปราบปรามยาเสพติดตำรวจภูธรภาค 9 ร่วมกับเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน 3 ภาค 9, ชุดการข่าวศูนย์ปฏิบัติการตำรวจส่วนหน้า และ ป.ป.ส.ภาค 9 นำโดย พ.ต.อ.ศักดา เจริญกุล รอง ผบก.สส.ภาค 9 พ.ต.อ.พิชัย กิระวานิช รอง ผบก.ภ.จว.สงขลา พ.ต.อ.ธนวัตเส้งสุย ผกก.สืบสวน 3 บก.สส.ภาค 9 นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส. นายพงศธร ธรรมชาติ ผอ.ปปส.ภาค 9 โดยได้วางแผนล่อซื้อยาบ้าจำนวน จำนวน 50,000 เม็ด ใช้เงินล่อซื้อจำนวน 450,000 บาท จากนายทรงยศ และนายวรวรรณ โดยนัดส่งมอบของกันที่ที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งบริเวณสี่แยกคูหา ต.คูหาใต้ อ.รัตภูมิ จ.สงขลา โดยนายวรวรรณ หรือเค เป็นคนนำยาบ้ามาส่งให้ และนัดส่งมอบเงินกันที่ ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งในพื้นที่บ้านไร่ ต.บ้านพรุ อ.หาดใหญ่ โดยมีนายทรงยศ เป็นคนตรวจนับเงิน

จากนั้นจึงได้ขยายผลไปยึดยาบ้าเพิ่มเติมอีก 292,000 เม็ด และไอซ์อีก 4 กิโลกรัมในพื้นที่อ.ป่าบอน จ.พัทลุง จากการสอบสวนทราบว่ายาเสพติดทั้งยาบ้าและไอซ์ถูกส่งมาจากพื้นที่ภาคกลางลงมาในพื้นที่ภาคใต้ โดยฝากและขนมากับบริษัทขนส่งเอกชน ด้วยการแอบซุกซ่อนมาในตู้ชาร์จแบตเตอรี่ เพื่ออำพรางการตรวจค้นของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และนำมาพักไว้ในพื้นที่ อ.ป่าบอน จ.พัทลุง เพื่อรอกระจายให้กับกลุ่มลูกค้าในพื้นที่ จังหวัดพัทลุง สงขลา สตูล และพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ปัตตานี ยะลาและนราธิวาส แต่ถูกเจ้าหน้าที่วางแผนล่อซื้อและจับกุมได้

สำหรับนายทรงยศ หรือปาล์ม ถูกแจ้งข้อหาร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท1 (ยาบ้า) อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า เป็นการก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน กระทำโดยมีอาวุธปืน โดยผิดกฎหมาย และเสพยาเสพติดให้โทษประเภท ๑ (เมทแอมเฟตามีน) โดยผิดกฎหมาย

ส่วนนายวรวรรณ ถูกแจ้งข้อหาร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท1 (ยาบ้า) อันเป็นการค้า เป็นการก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน และกระทำโดยมีอาวุธ โดยผิดกฎหมาย และมีไว้ในครอบครอง เพื่อจำหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า,ไอซ์ ) อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า เป็นการก่อให้เกิดการแพร่กระจาย ในกลุ่มประชาชนโดยผิดกฎหมาย มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปีนไว้ในครอบครองโคยไม่ได้รับอนุญาต พกพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร และ เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน)