เตรียมเข้าผ่าตัด!! “ดาบช้าง” ตร.มหาชัยหนัก 218 กก. รักษาโรคอ้วนเรื้อรัง ไม่สนใจโซเชียลบูลลี่

เมื่อเวลาประมาณ 10.00 น. ของวันที่ 21 เมษายน 2566 พ.ต.ท.โสภาส ถนนทิพย์ สวป.สภ.เมืองสมุทรสาคร เดินทางไปที่บ้านเลขที่ 5/931 ม.7 ต.ท่าทราย อ.เมือง จ.สมุทรสาคร เพื่อไปเยี่ยมเยียนและตรวจเยี่ยมความเป็นอยู่ของ ด.ต.มานพ (ดาบช้าง) วงษ์นารี อายุ 50 ปี ผบ.หมู่.ป.สภ.เมืองสมุทรสาคร หลังจากทราบว่ามีอาการป่วยขาบวม และลาพักรักษาตัวอยู่ที่บ้าน โดยกล่าวว่าได้มาเยี่ยมพร้อมมอบของเพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้แก่ผู้ใต้บังคับบัญชา โดยช่วงนี้ได้ให้ดาบช้างทำงานในด้านธุรการ สภ.เมืองสมุทรสาคร ซึ่งไม่อยากให้ไปลงพื้นที่ เนื่องจากการปฏิบัติหน้าที่จะต้องมีความคล่องตัวแต่ว่าดาบช้างอยู่ระหว่างรอการรักษา ซึ่งหลังจากรักษาตัวหายดีแล้วอยากจะทำงานลงไปพื้นที่ก็จะดำเนินการให้ตามความประสงค์อีกครั้งหนึ่ง

ส่วนทางด้าน ด.ต.มานพ (ดาบช้าง) วงษ์นารี กล่าวว่าตนป่วยเป็นโรคเกี่ยวกับฮอร์โมน เข้าข่ายโรคอ้วนเรื้อรัง โดยเป็นมาประมาณ 10 ปีแล้ว ซึ่งตอนนี้น้ำหนักตัวตนอยู่ 218 กิโลกรัม โดยการรักษานั้นต้องทำการผ่าตัดเย็บกระเพาะ ส่วนการปฏิบัติหน้าที่มีความยากลำบากมากเป็นบางครั้งเพราะเกิดจากความอ้วน ทำให้เดินไม่คล่องตัว แต่ก็ตั้งใจเพราะงานที่สถานีตำรวจมอบหมายมาไม่มีอุปสรรคมากมายในการปฏิบัติ เพราะตนสมัครใจ ส่วนเรื่องการถูกบูลลี่นั้นประชาชนในพื้นที่และในจังหวัดไม่มี ส่วนมากจะมีแต่โซเชียล ที่ไม่รู้ข้อมูลจริง ซึ่งตนก็ไม่สนใจเพราะเราเป็นตำรวจเราจะไปอะไรมากไม่ได้เพราะเราเป็นคนของประชาชน ส่วนการช่วยเหลือนั้นทางผู้บังคับบัญชาก็สนับสนุนปัจจัยหลายอย่างทั้งการเดินทาง งบประมาณการรักษาตัว จัดหาบางส่วนที่ไม่สามารถเบิกได้ ก็ดำเนินการช่วยเหลือ ซึ่งส่วนตนไม่กังวงใจในการรักษาตัว เพราะอยากให้หายป่วยและกลับมาช่วยงานในหน่วยงาน โดยตนจะไปพบแพทย์ในวันที่ 25 เมษายน 2566 เพื่อขอเช็คร่างกายเบื้องต้น

ส่วนทางด้าน พ.ต.อ.พิเชษฐ์พงศ์ แจ้งค้ายคม ผกก.สภ.เมืองสมุทรสาคร กล่าวว่า กรณีโรคอ้วน แพทย์วินิจฉัยว่าต้องรักษาตัวด้วยวิธีผ่าตัดกระเพาะอาหาร (ค่าผ่าตัดไม่สามารถใช้สิทธิเบิกค่ารักษาตามสิทธิสวัสดิการข้าราชการตำรวจได้ เนื่องจากถือว่าเป็นการทำศัลยกรรมเข้าลักษณะเสริมความงาม) ซึ่งขณะนี้ทางผู้บังคับบัญชาระดับภ.จว.สมุทรสาครและสภ.เมืองสมุทรสาคร ก็รับทราบปัญหาดังกล่าวแล้ว โดยแนวทางการรักษาจะมีการจัดตั้งกองทุนเพื่อเป็นสวัสดิการข้าราชการตำรวจในสังกัด ซึ่งคณะกรรมการกองทุนที่จัดตั้งขึ้นนั้นจะทำหน้าที่พิจารณาจัดสรรเงินกองทุนในการให้ความช่วยเหลือแก่ข้าราชการตำรวจในปกครอง รวมทั้งครอบครัว บุตรธิดา พ่อแม่ของข้าราชการตำรวจที่ได้รับความเดือดร้อนตามลำดับ ซึ่งในรายของ ด.ต.มานพฯ นั้นทางผู้บังคับบัญชาก็ได้ประสานกับหน่วยงานแพทย์ที่เกี่ยวข้องแล้วเพื่อพิจารณาผ่าตัดรักษาโดยเร็วต่อไป