จากกรณีที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่มีการตรวจพบการกระทำความผิดเกี่ยวกับการลักลอบนำน้ำมันเชื้อเพลิงจากประเทศเพื่อนบ้าน นำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย เนื่องจากราคาน้ำมันของประเทศไทยที่สูงกว่าประเทศมาเลเซียกว่าเท่าตัว ทำให้ผู้กระทำผิดสบช่องโอกาสในการหากำไรจากความต่างดังกล่าว ลักลอบนำน้ำมันมาขายให้กับลูกค้ารายย่อยในพื้นที่ เช่น ปั๊มหลอด โรงงาน รถขนส่ง หรือเรือประมงขนาดเล็ก ทำให้รัฐสูญเสียรายได้จากภาษีน้ำมันมากกว่าร้อยล้านบาทต่อปี
จากกรณีดังกล่าว พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ในฐานะ ผอ.ศูนย์ปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปนม.ตร.) ให้ดำเนินการปราบปรามเครือข่ายลักลอบนำน้ำมันเชื้อเพลิงเข้ามาจำหน่าย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ ศปนม.ตร. เร่งรัดจับกุมผู้กระทำผิด โดยเน้นการเพิ่มการป้องกันตามชายแดนติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้านซึ่งพบการกระทำผิดคือ สงขลา สตูล และนราธิวาส รวมทั้งพื้นที่จังหวัดใกล้เคียงคือปัตตานี ยะลา ตรัง และพัทลุง เป็นต้น รวมทั้งการลักลอบนำเข้าน้ำมันทางทะเลทั้งฝั่งอ่าวไทยและอันดามัน โดยร่วมบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมสรรพสามิต กรมศุลกากร กองทัพเรือ และศรชล เป็นต้น
โดยทางบกมีรายสำคัญ ได้แก่ กลุ่มเจ้ฟางซึ่งพฤติกรรมของกลุ่มค้าน้ำมันเถื่อนกลุ่มนี้ จากการสืบสวนทราบว่า กลุ่มของเจ้ฟางซึ่งมีรถบรรทุกสินค้าเป็นเครือข่าย แต่ละคันจะดัดแปลงถังน้ำมันให้มีขนาดใหญ่ และมีช่องเก็บน้ำมันได้มากขึ้น
โดยรถบรรทุกเหล่านี้ จะเข้าไปส่งสินค้าที่ชายแดนประเทศมาเลเซียทุกวัน วันละนับสิบรอบ เมื่อรถขนสินค้าเสร็จ ก็จะเติมน้ำมันจนเต็มถังที่ดัดแปลง และขับกลับออกมาจากชายแดนมุ่งหน้าไปยังโกดังในตำบลทุ่งลุง ซึ่งอยู่ห่างพรมแดนประมาณ 30 กิโลเมตร เพื่อไปรอถ่ายให้กับรถปิ๊กอัพ ที่จอดรออยู่ในโกดังชายป่า บริเวณริมถนนกาญจนวนิช ต.พะตง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา
ชุดปฏิบัติการ ศปนม. จึงได้บุกเข้าไปจับกุมนายนี อุสมาน , นายอีบ หมัดยูโชะ ขณะกำลังถ่ายน้ำมันจากรถขนส่ง ให้กับรถปิ๊กอัพดัดแปลงที่โกดังแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ ตำบลทุ่งลุง อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา พบ รถกระบะ Toyota สีบรอน 2 คัน ทะเบียน 3ฒธ 1065 และ 3ฒธ 7065 ตีตู้ทับ ภายในบรรทุกถังน้ำมันดีเซล 2 พันลิตร โดยกล่าวหาว่า มีไว้ในครอบครองซึ่งสินค้าที่มิได้เสียภาษี ตาม พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิต พ.ศ.2560 มาตรา 203
ทั้งนี้จากการสืบสวนยังพบอีกว่า กลุ่มเจ้ฟาง ถือเป็นเจ้าใหญ่ทำมาเป็นสิบปี โดยรถแต่ละคัน จะบรรทุกน้ำมันได้ครั้งละ 1 พันลิตร เฉลี่ยวันละ 10 กว่าเที่ยว ที่วิ่งเข้าออก ระหว่างพรมแดน ซึ่งมีระยะห่างไม่ถึง 30 กิโลเมตร โดยจะร่วมมือกับคนขับรถหัวลาก พอได้น้ำมันออกมา จากนั้นก็จะเอามารวมกันไว้ที่โกดัง เพื่อถ่ายขายปลีกในพื้นที่ ทั้งปั้มหลอด ประมง และเกษตรกรรม
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า การปราบปรามความผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิงที่ผ่านมา ได้มีการจับกุมเครือข่ายผู้กระทำผิดซึ่งลักลอบนำน้ำมันจากประเทศมาเลเซียเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยได้เป็นจำนวนมากหลายแสนลิตรต่อเดือน ซึ่งกลุ่มเหล่านี้มักใช้วิธีการในการลักลอบขนในปริมาณน้อยจำนวนหลายครั้งแล้วนำเข้ามาเก็บ รวมในโกดังที่เตรียมไว้จากนั้นจึงลักลอบนำไปขายให้กับพวกปั๊มหลอด เรือประมงขนาดเล็ก หรือรถขนส่ง ทำให้รัฐเสียรายได้ต่อปีเป็นจำนวนมาก และส่งผลกระทบกับสถานีบริการน้ำมันในพื้นที่ซึ่งประกอบอาชีพถูกต้องเสียภาษีถูกต้องตามกฎหมาย ได้รับความเดือดร้อน ซึ่งขณะนี้นอกจากที่จะจับกุมกลุ่มผู้ลักลอบนำเข้าเหล่านี้แล้ว จะขยายผลดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งเครือข่ายอื่นๆที่ยังกระทำผิดอยู่ในพื้นที่ตามแนวชายแดน นำมาดำเนินคดีตามกฎหมายโดยเด็ดขาด