รวบขบวนการอ้างตัวเป็นตำรวจ สภ.เมืองเชียงราย หลอกหมอ-นักธุรกิจ ให้โอนเงิน สูญเงินรวมกว่า 143 ล้าน

ตำรวจไซเบอร์ รวบขบวนการอ้างตัวเป็นตำรวจ สภ.เมืองเชียงราย หลอกให้โอนเงิน คุณหมอ จว.ชุมพร มูลค่า 101 ล้านบาท และนักธุรกิจประกอบกิจการพลังงานแสงอาทิตย์มูลค่า 42 ล้านบาท

กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. , พล.ต.ต.ไพโรจน์ สุขรวยธนโชติ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ฐายุฏฐ์ จันทร์ถาวร รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.นิเวศน์ อาภาวศิน รอง ผบช.สอท. พล.ต.ต.ออมสิน ตรารุ่งเรือง รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.อำนาจ ไตรพจน์ รองผบช.สอท., พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1, พ.ต.อ.ณัฐภณ จินตะนานุช รอง ผบก.สอท.1, พ.ต.อ.กฤตัชญ์ บำรุงรัตนยศ รอง ผบก.สอท.1, พ.ต.อ.ปรีดา คงจัด รอง ผบก.สอท.1, พ.ต.อ.ศรายุทธ จุณณวัตต์ รอง ผบก.สอท.1, พ.ต.อ.ทำนุรัฐ คงมั่น รอง ผบก.สอท.1, และ พ.ต.อ.ภูมิสิษฐ์ ตั้งวิทย์เดชา ผกก.2 บก.สอท.1 บช.สอท.

เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมนำโดย พ.ต.ท.ธรรมปกร กัณหญาวงษ์ รอง ผกก.2 บก.สอท.1, พ.ต.ท.ธนัช ธนาบุญประกอบ สว.กก.2 บก.สอท.1, พ.ต.ต.เอกสิทธิ์ พระศรี สว.กก.2 บก.สอท.1, ร.ต.อ.สุนทร หงษ์โยธี รอง สว.กก.2 บก.สอท.1, ร.ต.อ.เลอสันต์ พรมชื่น รองสว.กก.2 บก.สอท.1, ร.ต.ต.วิเวก กมลวิบูลย์ รอง สว.กก.2 บก.สอท.1, ด.ต.ณัฐสิชฒ์ ธนัญจิรัสย์, ด.ต.สรายุทธ ช่วยวัง , ด.ต.วิเชียร ประคองสิน, จ.ส.ต.จักรพงษ์ อินทร์ยอด, ส.ต.อ.สมเกียรติ ลือไกร, ส.ต.อ.ธงศักดิ์ เหล่าหมวด, และ ส.ต.อ.พีรวิชญ์ โอมณี ผบ.หมู่ กก.2 บก.สอท.1

ได้จับกุมตัว

1.นายสมศักดิ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 43 ปี

1.1 ตามหมายจับของศาลอาญา ที่ 162/2566 ลงวันที่ 16 มกราคม 2566 ข้อกล่าวหา“ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนและร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ”

1.2 ตามหมายจับของศาลจังหวัดลำปาง ที่ จ.262/2565 ลงวันที่ 23 ธันวาคม 2565 ข้อกล่าวหา“ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนและร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ”

2.นางสาวปทุมรัตน์ (สงวนนามสกุล) อายุ 20 ปีตามหมายจับของศาลอาญา ที่ 156/2566 ลงวันที่ 16 มกราคม 2566 ข้อกล่าวหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนและร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ”

จับกุมที่ หมู่บ้านเอื้ออาทรบ้านฉาง ข้างอาคาร 5 ถนนปทุมลาดหลุมแก้ว ตำบลบางปรอก อำเภอเมืองปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี จับกุมวันที่ 17 เมษายน 2566

เมื่อประมาณเดือนมิถุนายน 2565 กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 ได้รับคำร้องทุกข์จากผู้เสียหายว่า ได้ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงเป็นพนักงานขนส่งบริษัทเอกชนแจ้งกับผู้เสียหายทั้งสองรายว่ามีพัสดุที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดโดยเพื่อความบริสุทธิ์ใจให้ติดต่อพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองเชียงราย เมื่อติดต่อไปแล้วมีคนอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับ ผู้กำกับ สภ.เมืองเชียงราย แจ้งว่าให้ผู้เสียหายทั้งสองโอนเงินในบัญชีธนาคารของผู้เสียหาย คือ รายที่ 1 คุณหมอจังหวัดชุมพร จำนวน 101 ล้านบาท และรายที่ 2 นักธุรกิจประกอบกิจการพลังงานแสงอาทิตย์ จำนวน 42 ล้านบาท รวมเป็นเงิน 143 ล้านบาท เพื่อไปตรวจสอบ และข่มขู่ว่าถ้าไม่มีการโอนเงินมาตรวจสอบจะดำเนินการออกหมายจับผู้เสียหายทั้งสอง ผู้เสียหายทั้งสองเกิดความกลัวจึงได้โอนเงินทั้งหมดไปให้ตรวจสอบ จากนั้นผู้เสียหายทั้งสองจึงได้พยายามติดต่อกับผู้ที่อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้ ผู้เสียหายทั้งสองจึงเชื่อว่าตนเองนั้นถูกหลอกลวง จึงได้เดินทางมาแจ้งความร้องทุกข์ที่กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 เพื่อดำเนินการตามกฎหมายพ.ต.อ.ภูมิสิษฐ์ ตั้งวิทย์เดชา ผกก.2 บก.สอท.1 บช.สอท. จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนนำโดย พ.ต.ท.ธรรมปกร กัณหญาวงษ์ รอง ผกก.2 บก.สอท.1, พ.ต.ท.ธนัช ธนาบุญประกอบ สว.กก.2 บก.สอท.1, พ.ต.ต.เอกสิทธิ์ พระศรี สว.กก.2 บก.สอท.1 พร้อมชุดสืบสวนหาข้อมูลผู้กระทำความผิดครั้งนี้จนทราบว่าผู้ต้องหาทั้งสองราย คือ นายสมศักดิ์ ทองเรือง และนางสาวปทุมรัตน์ เหม็งทอง พักอาศัยอยู่บริเวณหมู่บ้านเอื้ออาทรบ้านฉาง ข้างอาคาร 5 ถนนปทุมลาดหลุมแก้ว ตำบลบางปรอก อำเภอเมืองปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี

วันที่ 17 เมษายน 2566 เวลาประมาณ 12.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สอท.1 ชุดจับกุม จึงได้เดินทางไปตรวจสอบและจับกุมนายสมศักดิ์ ทองเรือง และนางสาวปทุมรัตน์ เหม็งทอง ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลข้างต้น โดยได้แสดงหมายจับให้ผู้ต้องหาทั้งสองรายทราบ และได้แจ้งด้วยว่าจะต้องถูกจับกุม พร้อมแจ้งข้อกล่าวหาและแจ้งสิทธิ์ตามกฎหมายให้ทราบด้วยแล้ว ผู้ต้องหารับทราบข้อกล่าวหาและให้การ ปฎิเสธตลอดข้อกล่าวหา

พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. กล่าวว่า ต้องขอบคุณทางผู้การ สอท.1 ที่สามารถจับกุมผู้ต้องหาชาย-หญิง 2 คน ซึ่งได้ตรวจสอบว่า ชาย-หญิง เป็น บัญชีสุดท้ายก่อนที่จะโอนเป็นไบรแน้น สำหรับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งได้ตรวจสอบในคดีนี้มีผู้เสียหายอยู่ 2 ท่าน คนแรกเป็นคุณหมอ มูลค่าความเสียหาย 101 ล้านบาท ตามคืนได้ 10 ล้าน และคนที่ 2 เป็นผู้ชาย ประกอบธุระกิจพลังงานแสงอาทิตย์ เสียหายมูลค่า 42 ล้านบาท ทั้ง 2 เคส ก็เป็นคอลเซ็นเตอร์ที่ มีมูลค่าความเสียหายรวม 143 ล้านบาท ซึ่งก็จะตรวจสอบต่อไปว่ามีผู้เสียหายที่ถูกแก๊งในพฤติกรรมลักษณะนี้มีการกระทำผิดอีกหรือไม่ มีพฤติกรรมก็คือเงินเกี่ยวข้องกับการฟ้องเงินยาเสพติดก็ให้ส่งบัญชีไปตรวจสอบโดยอ้าง ผกก.สภ.เชียงราย ถ้ามีผู้เสียหายรายอื่นอีกจะได้ขยายผลต่อไป ซึ่งผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ได้บอกว่าเป็นแฟนกัน ซึ่งเขาได้ให้การณ์ว่ามีเพื่อนได้ชักชวนไปเปิดบัญชีให้คนละ 2 บัญชี โดยบอกว่าให้บัญชีละ 500 บาท มีการโอนเงินของผู้เสียหาย เข้าบัญชีทั้งหมด 4 บัญชีของผู้ชาย 2 ครั้ง ของผู้หญิง 4 ครั้ง ซึ่งเป็นเงินของผู้เสียหายทั้ง 2 ท่าน ส่วนเพื่อนที่ชักชวนหรือจ้างให้มาเปิดบัญชีม้าก็ต้องรอตรวจสอบอีกที

ผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ได้กล่าวกับทางพนักงานสอบสวนทั้งน้ำตาว่า เพื่อนได้ชักชวนให้ไปเปิดบัญชี คนละ 2 บัญชี ซึ่งจะให้เงินค่าเปิดบัญชีละ 500 บาท พอทักไปสอบถามเขาก็ไม่ตอบสุดท้ายก็ไม่ได้เงินค่าเปิดบัญชี และข่มขู่จะมาทำร้ายร่างกาย จะพาพวกมารุมกระทืบ ซึ่งตอนนั้นตนเองก็ไม่มีเงินจะกินข้าวเลยไม่รู้จะทำยังไง