“ผบ.ตร.” สั่งตรวจสอบ นทท.จีน ใช้วีซ่า VOA เข้าไทย เฝ้าระวังกลุ่มเสี่ยงก่อเหตุอาชญากรรม – ส่วนคดีอุ้มฆ่า นศ. มั่นใจหลักฐานแน่น

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เปิดเผยว่า เมื่อวานได้มีการเชิญ พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผู้บัญชาการตำรวจตรวจคนเข้าเมืองมาพูดคุยเพื่อวางแนวทางแก้ไขปัญหานักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางมาไทย โดยใช้ Visa on Arrival หรือVOA เบื้องต้นได้มีการเน้นย้ำเพื่อให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการส่งเสริมการท่องเที่ยว ซึ่งมีทั้่งกลุ่มที่ใช่วีซ่า VOA 15 วันและวีซ่าท่องเที่ยว วีซ่าทำงาน กลุ่มคนเหล่านี้จะเดินทางเข้าไทยแล้วก็จะต้องติดตามและเข้มงวดกับการขอนุญาตอยู่ต่อ โดยเฉพาะกลุมที่คนที่อยู่เกินกว่ากฎหมายกำหนด หรือ Over Stay และกลุ่มเสี่ยงที่อาจจะก่ออาชญากรรม ทางตำรวจก็มีการบูรณาการร่วมกันทั้งตำรวจตรวจคนเข้าเมือง และตำรวจท่องเที่ยว

รวมทั้งพื้นที่ใช้มาตรการเชิงรุกตรวจสอบบ้านเช่า ที่พัก อพาร์ทเม้น และเกสเฮาส์ต่างๆตามข้อมูลที่ได้แจ้งไว้ เบื้องต้น ส่วนการขอเปลี่ยนวีซ่าเพื่ออยู่ต่อให้นานขึ้น ขั้นตอนเหล่านี้ก็ได้เน้นย้ำเจ้าหน้าที่โดยจะนำบทเรียนเก่าๆ มาใช้ในการทำงานเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาการก่ออาชญากรรมให้ดียิ่งขึ้น

ผบ.ตร.กล่าวว่า การที่มีนักท่องเที่ยวใช้วีซ่า VOA มองว่าเป็นปนระโยชน์มากกว่าเสีย เพราะประเทศไทยเป็นเมืองท่องเที่ยว แต่จะต้องมีมาตรการเชิงรุกที่ตรวจสอบในประเทศมากขึ้น ส่วนเจ้าหน้าที่ก็ได้มีการกำชับมาอย่างต่อเนื่อง หากเข้ามีส่วนเอื้อประโยชน์ เรียกรับผลประโยชน์กับนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่ผ่านมาก็ได้มีการลงโทษไปแล้วจำนวนมาก เพื่อไม่ให้เป็นเเยี่ยงอย่าง และสถานการณ์ปัจจุปันก็ดีขึ้น

สำหรับนักท่องเที่ยวชาวจีนที่มาไทยโดยใช้วีซ่า VOA ระหว่างที่อยู่ในประเทศทางการไทยก็จะมีการประสานข้อมูลกับทางการจีนเพื่อทราบข้อมูลและรายละเอียดเกี่ยวกับประวัตินักท่องเที่ยวว่ามีประวัติก่อคดีอาชญากรรมมาก่อนหรือไม่เพื่อเฝ้าระวัง

ผบ.ตร. กล่าวถึงความคืบหน้า คดี 3 ผู้ต้องหาชาวจีน และหญิงไทยร่วมกันอุ้มฆ่านักศึกษาสาวชาวจีน ยัดถุงทิ้งร่องน้ำที่จังหวัดนนทบุรี ว่า ขณะนี้ตำรวจไทยที่เดินทางไปถึงประเทศจีนแล้ว ยังไม่ได้รับข้อมูลเกี่ยวกับตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย ที่ถูกควบคุมตัว โดยตำรวจไทยจะไม่ได้ร่วมสอบผู้ต้องหาชาวจีนแต่อย่างใด ซึ่งการสอบสวนตำรวจไทยจะต้องส่งประเด็นข้อสงสัยทั้งหมดเกี่ยวกับคดีรวบรวมให้ทางการจีนไปสอบปากคำผู้ต้องหา และทางการจีนก็จะส่งผลการสอบปากคำให้ ตำรวจไทยเพื่อใช้ในการทำคดี ซึ่งขณะนี้ตำรวจไทยอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานและคำให้การของผู้ต้องหาหญิงชาวไทยที่เป็นนางนกต่อ เพื่อประกอบคำให้การของผู้ต้องชาวจีนว่าตรงกันหรือไม่พร้อมกับยืนยันว่าขณะนี้ตำรวจไทยมีวัตถุพยานและนิติวิทยาศาสตร์ครบถ้วนสมบูรณ์กับการดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้งหมดแล้ว