ตร.ท่องเที่ยว ลุยกวาดล้างอาวุธปืน-ยาเสพติด ย่านลาดพร้าว รวบผู้ต้องหายานรกกว่า 4 ราย

ด้วยปัจจุบันเหตุอาชญากรรมสะเทือนขวัญมักมีการก่อเหตุโดยมีการใช้อาวุธปืน ก่อให้เกิดความสูญเสียในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน และสร้างความตื่นตระหนกในสังคมต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ประกอบกับใกล้จะถึงห้วงเทศกาล วันสงกรานต์ ซึ่งจะมีประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนา เพื่อเยี่ยมเยียนบิดา มารดา ญาติพี่น้อง รดน้ำดำหัวผู้หลักผู้ใหญ่ที่ตนเคารพนับถือ และพักผ่อนในแต่ละภูมิภาคเป็นจำนวนมาก ประกอบกับเป็นการเตรียมความพร้อมในการรักษาความสงบเรียบร้อยก่อนที่จะมีการกำหนดวันเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ดังนั้นเพื่อเป็นการควบคุม และลดโอกาสการใช้อาวุธปืนมากระทำผิด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นำโดย พล.ต.อ.ดำรงค์ศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร., พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. สั่งการให้มีการระดมกวาดล้างอาชญากรรม โดยกำหนดให้มีการปิดล้อมตรวจค้นพร้อมกันทั่วประเทศโดยเน้นความผิดเกี่ยวกับ อาวุธปืน วัตถุระเบิด เครื่องกระสุนปืน การจำหน่ายอาวุธปืน วัตถุระเบิด เครื่องกระสุนปืนแบบผิดกฎหมาย (ON GROUND) และการจำหน่ายผ่านระบบออนไลน์และโซเชียลมีเดียโดยผิดกฎหมาย (ONLINE)

กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว โดย พล.ต.ท.สุคุณ พรหมายน ผบช.ทท.,พล.ต.ต.อภิชาติ สุริบุญญา, พล.ต.ต.ศุภเศรษฐ์ โชคชัย, พล.ต.ต.พงษ์สยาม มีขันทอง รอง ผบช.ทท. เป็นผู้ควบคุมสั่งการสั่งการให้ดำเนินการสืบสวน ปราบปราม จับกุมกวาดล้าง เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน

กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว โดย พล.ต.ต.ม.ล.สันธิกร วรวรรณ ผบก.ทท.1, พ.ต.อ.ศราวุธ ตันกุล, พ.ต.อ.พัฒนา พัฒนชัย, พ.ต.อ.ล้ำพันธุ์ พรรธนประเทศ รอง ผบก.ทท.1, พ.ต.อ.ปิยรัช สุภารัตน์ ผกก.1 บก.ทท.1, พ.ต.ท.มนพร ลิขิตมานนท์, พ.ต.ท.ปรีชญา อุไรพันธุ์, พ.ต.ท.ณัฐพล คนหลัก รอง ผกก.1 บก.ทท.1, พ.ต.ท.นิมิตร จรรยาลักษณ์ สว.กก.1 บก.ทท.1 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ทท.1 ได้ทำการจับกุมผู้ต้องหา จำนวน 4 ราย ดังนี้

1. นายก้องเกียรติ (สงวนนามสกุล) อายุ 38 ปี สัญชาติ ไทย ผู้ต้องหาที่ 1

2. นางสาวดาริกา (สงวนนามสกุล) อายุ 19 ปี สัญชาติ ไทย ผู้ต้องหาที่ 2

3. นายประพัฒน์ (สงวนนามสกุล) อายุ 53 ปี สัญชาติ ไทย ผู้ต้องหาที่ 3

4. นายเอ (นามสมมุติ) อายุ 15 ปี สัญชาติ ไทย ผู้ต้องหาที่ 4 (เยาวชน)

โดยแจ้งข้อกล่าวหาผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย ดังต่อไปนี้

ผู้ต้องหาที่ 1 ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาอี) โดยไม่ได้รับอนุญาต โดยเป็นการมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย, ร่วมกันจำหน่ายวัตถุออกฤทธิ์ประเภท 2 (คีตามีน) โดยไม่ได้รับอนุญาต โดยเป็นการมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย, ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 2 (โคคาอีน) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, มีวัตถุออกฤทธิ์ประเภท 2 (คีตามีน) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต

ผู้ต้องหาที่ 2,4 ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาอี) โดยไม่ได้รับอนุญาต โดยเป็นการมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย, ร่วมกันจำหน่ายวัตถุออกฤทธิ์ประเภท 2 (คีตามีน) โดยไม่ได้รับอนุญาต โดยเป็นการมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย, ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 2 (โคคาอีน) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต

ผู้ต้องหาที่ 3 ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาอี) โดยไม่ได้รับอนุญาต โดยเป็นการมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย, ร่วมกันจำหน่ายวัตถุออกฤทธิ์ประเภท 2 (คีตามีน) โดยไม่ได้รับอนุญาต โดยเป็นการมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย, ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 2 (โคคาอีน) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยผิดกฎหมาย

ของกลาง

-ปืนพกสั้น ยี่ห้อ TZ 75 รุ่น ซีรี่ย์ 88 ขนาด 9 มม. ทะเบียนปืน พล.1/25232 จำนวน 1 กระบอก

– ปืนพกสั้น ยี่ห้อ FABRIQUE NATIONALE ขนาด .22 นิ้ว พร้อมซองหนังสีดำ จำนวน 1 กระบอก

– เครื่องกระสุนปืนขนาด 9 มม. จำนวน 12 นัด – สมุดบัญชีธนาคาร จำนวน 4 เล่ม

– คีตามีน น้ำหนักรวม 781.47 กรัม จำนวน 668 ถุง

– โคเคอีน จำนวน 2 แท่ง รวมน้ำหนัก 25.4กรัม

– ยาอีลักษณะต่างๆ รวมจำนวน 1,394 เม็ด

– รถจักรยานยนต์ จำนวน 2 คัน – รถแท็กซี่สาธารณะ จำนวน 1 คัน

– โทรศัพท์มือถือ จำนวน 5 เครื่อง

พฤติการณ์กล่าวคือ ก่อนการจับกุมในครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้ร่วมกันจับกุมตัวนายมนู (สงวนนามสกุล) ในความผิดฐาน “จำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยไม่ได้รับอนุญาต” จึงได้ทำการสืบสวนขยายผล โดยนายมนู ฯ ให้การว่า เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2566 เคยนำยาไอซ์ ไปส่งให้กับลูกค้าที่บ้านย่านลาดพร้าว กรุงเทพฯ และได้ไปพบและพูดคุยกับนายประพัฒน์ฯ (ผู้ต้องหาที่ 3) ภายในบ้านหลังดังกล่าว และทำการแบ่งยาไอซ์กัน จากนั้นนายประพัฒน์ฯ ได้นำยาอีแบบต่างๆ และอาวุธปืน ออกมาให้นายมนู ฯ ดู พร้อมทั้งทำการเสนอขาย เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม จึงได้สืบสวนเพิ่มเติมและได้ทำการรวบรวมพยานหลักฐานและเห็นว่ามีเหตุอันเชื่อได้ว่าภายในบ้านหลังดังกล่าวนั้น มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน และสิ่งของซึ่งมีไว้เป็นความผิด หรือได้มาโดยผิดกฎหมาย จึงได้ทำการยื่นคำร้องต่อศาลอาญาเพื่อขอหมายค้นบ้านหลังกล่าว ศาลอาญาได้อนุญาตตามหมายค้นที่ 97/2566 ลงวันที่ 24 มีนาคม 2566

ต่อมา เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้เดินทางไปถึงบริเวณบ้านหลังดังกล่าว ได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ และได้เรียกเพื่อขอพบผู้ที่อาศัยอยู่ภายในบ้านให้ทราบตามหมายค้นและเหตุในการค้นในครั้งนี้ ต่อมาได้สังเกตเห็นว่าบุคคลที่อาศัยอยู่ภายในบ้านหลังดังกล่าวนั้นได้พยายามจะหลบหนี และอาจจะมีการทำลายพยานหลักฐาน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เข้าไปภายในบ้านหลังดังกล่าว และได้ทำการควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 4 รายไว้ จากนั้นได้ทำการตรวจค้นตัวผู้ต้องหา และตรวจค้นภายในบ้าน ผลการตรวจค้นพบ อาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืน ยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาอี) และวัตถุออกฤทธิ์ประเภทที่ 2 (เคตามีน) ซุกซ่อนอยู่ภายในบ้านเป็นจำนวนมาก ซึ่งเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมก็ได้ทำการสอบถามผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย ให้การรับว่าเป็นของตนจริง จากนั้นจึงได้ทำการแจ้งสิทธิพร้อมทั้งแจ้งข้อกล่าวหาให้ผู้ต้องหาทราบจนเข้าใจดีแล้ว จากนั้นได้นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย มายังที่ทำการฝ่ายสืบสวนกองกำกับการ 1 กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว 1 เพื่อทำการตรวจหาสารเมทแอมเฟตามีนเบื้องต้น ผลพบว่า ผู้ต้องหาที่ 3 นั้นมีผลเป็นบวก จึงได้ทำการส่งน้ำปัสสาวะไปตรวจยืนยันผลที่ โรงพยาบาลนพรัตน์ราชธานี จากนั้นได้ทำการแจ้งข้อหาเพิ่มเติมให้ผู้ต้องหาที่ 3 ทราบจนเข้าใจดีแล้ว จากนั้นจึงได้จัดทำประวัติ, บันทึกการจับกุม, ตรวจยึดของกลาง และทำการสืบสวนขยายผลเกี่ยวกับยาเสพติดดังกล่าวข้างต้น จากนั้นนำผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย พร้อมด้วยของกลางส่งพนักงานสอบสวน สน.โชคชัย เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป