สตม. แถลงข่าวกวาดล้างอาชญากรรมข้ามชาติ รวมทั้งหมด 5 คดี

ตามนโยบายของสำนักงานตารวจแห่งชาติ โดยมี พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. ที่มอบหมายให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศหรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุกับคนไทยหรือ ชาวต่งชาติโดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิดเพื่อเป็นการตอบสนองนโยบายของรัฐบาล และสำนักนตำรวจแห่งชาติ และทำให้การปฏิบัติปราบปราม สืบสวนจับกุม เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ชูฉัตร ธารีฉัตร รอง ผบช.สตม. พล.ต.ต.สรร พูลศิริ รอง ผบช.สตม., ร่วมแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญ ดังนี้

1.รวบหนุ่มแดนมังกรเปิดบริษัทซื้อขายเช่ารถยนต์ลวงเสียหายกว่า 100 ล้านบาท

สืบเนื่องจากได้รับการประสานงานจาก สำนักงานกงสุล (ฝ่ายตำรวจ) ณ นครคุนหมิง และสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย กรณีผู้ต้องหาตามหมายจับของสาธารณรัฐประชาชนจีนรายสำคัญ ราย MR.MA หรือ นายหม่า อายุ 31 ปี สัญชาติจีน ซึ่งก่ออาชญากรรมทางเทคโนโลยีในลักษณะฉ้อโกงประชาชนฯ มูลค่าความเสียหายกว่า 100 ล้านบาท แล้วหลบหนีการจับกุมเข้ามายังประเทศไทย พล.ต.ต.ธนิตไทยวัชรามาศ ผบก.สส.สตม. จึงสั่งการให้ กก.4 บก.สส.สตม. ทำการสืบสวนติดตามจับกุม MR.MA หรือ นายหม่าจนทราบว่าไต้หลบหนีไปอาศัยอยู่ในพื้นที่มักกะสัน กรุงเทพฯ จึงได้ทำการออกติดตาม ต่อมาเมื่อวันที่ 15 มี.ค. 2566 เวลาประมาณ 09.00 น. เจ้าหน้าที่ได้ออกติดตามจนถึงบริเวณริมถนนซอยราชปรารภ ได้พบ MR.MA หรือ นายหม่า ซึ่งเป็นบุคคลเดียวกันกับบุคคลตามหมายจับของสาธารณรัฐประชาชนจีน เจ้าหน้าที่จึงขอทำการตรวจสอบหนังสือเดินทาง ผลการตรวจสอบพบว่า MR.MA หรือ นายหม่า เป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุดจึงได้ทำการจับกุมตัวนำส่งพนักงานสอบสวน กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม. ดำเนินคดีตามกฎหมาย ทั้งนี้จากการ ตรวจค้นพบเอกสารหลายรายการที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด จากการสอบถามผู้ต้องหาให้การรับว่าได้กระทำความผิดในลักษณะฉ้อโกงประชาชน มีการตั้งกลุ่มขึ้นมา จากนั้นได้มีการเปิดบริษัทซื้อขายเช่ารถยนต์ลวงและได้ทำการโฆษณาชักชวนให้ประชาชนมาซื้อรถยนต์หรือเช่ารถยนต์จากบริษัทผ่านระบบแพลตฟอร์มอินเตอร์เน็ตจากนั้นเมื่อมีประชาชนหลงเชื่อเข้าร่วมซื้อหรือเช่าแล้วก็ทำการปิดบริษัทแล้วหลบหนีมายังประเทศไทย โดยมรประชาชนหลายรายถูกหลอก มูลค่าความเสียหายรวมกว่า 100 ล้านบาท

2.สตม. รวบ 2 ผู้ต้องหาแดนน้ำหอม หนีหมายจับซุกไทย

ตามที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการให้ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง พิจารณาดำเนินการกรณีสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐฝรั่งเศส ประจำประเทศไทย มีหนังสือมายังกองการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แจ้งข้อมูลบุคคลที่มีหมายจับของสาธารณรัฐฝรั่งเศส หมายจับสหภาพยุโรป และองค์การตำรวจสากลออกประกาศสีแดง (INTERPOL Red Notice) เป็นบุคคลที่ทางการฝรั่งเศสต้องการตัวไปดำเนินคดี จำนวน 2 ราย ดังนี้

1.นายฮูแบร์ (นามสมมติ) อายุ 35 ปี สัญชาติฝรั่งเศส ความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด 32 ข้อหา อาทิ มียาเสพติดนความครอบครองดยไม่ได้รับอนุญาต ลักลอบขนส่งและจำหน่ายยาเสพติดให้โทษในลักษณะองค์กรอาชญากรรม และจัดตั้งกลุ่มองค์กรอาชญากรรม

2.นายกาแอล (นามสมมติ อายุ 61 ปี สัญชาติฝรั่งเศส ในข้อหาฉ้อโกงและยักยอกทรัพย์ พล.ต.ต.ธนิต ไทยวัชรามาศ ผบก.สส.สตม ได้สั่งการให้ กก.1 บก.สส.สตม. สืบสวนติดตามหาตัวคนต่างด้าวดังกล่าวทั้ง 2 ราย และพิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ กก.1 บก.สส.สตม. จึงได้ตรวจสอบในระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ตม. พบข้อมูลดังนี้

1.นายฮูแบร์ เดินทางเข้ามาในประเทศไทย ทางด่น ตม.ทอ.สุวรรณภูมิ บก.ตม.2 เมื่อวันที่ 9 ม.ค.2566รับการยกว้นการตรวจลงตราประเภท ผ.30 ได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร ถึงวันที่ 22 ก.พ.2566 การให้อยู่ในราชอาณาจักรสิ้นสุด พักอาศัยอยู่ที่ ต.ป่ตอง อ.กะหู้ จวภูเก็ต

2.นายกาแอล เดินทางเข้ามาในประเทศไทย ทางด่น ตม.ทอ.ภูเก็ต บก.ตม.2 เมื่อวันที่ 15 พ.ค.2559ประเภทการตรวจลงตรา คนอยู่ชั่วคราว (NON-90) ได้รับอนุญาตให้อยู่ต่อในราชอาณาจักรจาก ตม.จว.ภูเก็ตด้วยเหตุผลมีเหตุจำเป็นทางธุรกิจ ถึงวันที่ 14 มี.ค.2566 พักอาศัยอยู่ที่ ต.ราไวย์ อ.เมืองภูเก็ต ต่อมาเมื่อวันที่ 7 มี.ค.2566 ผบก.ตม.6 ได้เพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรของ นายกาแล เนื่องจากมีพฤติการณ์เป็นบุคคลซึ่งเจ้าหน้าที่รัฐบาลต่างประเทศได้ออกหมายจับเข้าลักษณะต้องห้ามมิให้เข้ามาในราชอาณาจักร ตามมาตรา 12 (7) แห่ง พ.ร.บ.คนเข้าเมืองพ.ศ.2522 มีพฤติการณ์สมควรเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรตาม มาตรา 36 แห่ง พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 กก.1 บก.สส.สตม. จึงได้ประสานงานกับ ตม.จว.ภูเก็ต ในการสืบสวนติดตามหาตัว นายฮูแบร์ และนายกาแอล จนกระทั่งพบตัวนายฮูแบร์ ที่บริเวณถนนทวีวงศ์ ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จว.ภูเก็ต จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาว่าเป็นคนต่างต้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด และจับกุมนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ป๋าตอง ดำเนินคดีตามกฎหมาย ต่อมาจากการสืบสวนทราบว่า นายกาแล จะเดินทางไปทำธุระที่ย่าน ต.ตลาดใหญ่ อ.เมืองภูเก็ต จึงได้ไปตรวจสอบเมื่อพบนายกาแอล จึงได้แจ้งคำสั่งเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรให้ทราบ และนำตัวส่ง กก.3 บก.สส.สตม. เพื่อกักตัวรอการส่งกลับออกไปนอกราชอาณาจักร ต่อไป

3.บก.สส.สตม. รวบไต้หวันจ้างวานอุ้มคู่อริ แนโกงเงินพนันกว่า 50 ล้านบาท

บก.สส.สตม. จับกุมนายเฉิง (นามสมมติ) อายุ 37 ปี สัญชาติได้หวัน ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของประเทศไต้หวัน ในช้อหา จ้างวานเรียกค่ไถ่และยิงปืนในที่สาธารณะ โดยได้เพิกถอนวีซ่าของ นายเฉิง และจับกุมน้ำส่ง กก.3 บก.สส.สตม. ดำเนินการตามกฎหมาย สถานที่จับกุม หน้าโรงแรมแห่งหนึ่งในย่าน อ.บางละมุง จว.ชลบุรี สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจไต้หวัน ปะสานงานผ่านสำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเปประเทศไทย โดยแจ้งข้อมูลผู้ต้องหาตามหมายจับของประเทศไต้หวัน ราย นายเฉิง (นามสมมติ) สัญชาติ ไต้หวัน อายุ 37 ปีซึ่งมีหมายจับของประเทศไต้หวัน ในข้อหา จ้างวานเรียกค่าไถ่ และยิงปืนในที่สาธารณะ โดยมีพฤติการณ์คือ เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2565 ตำรวจไต้หวันได้จับกุมตัว นายจ้าน สัญชาติไต้หวัน เนื่องจากได้ก่อเหตุกราดยิงในร้านตู้สล็อตพนันเมือง Xitun เขตไทจง ประเทศไต้หวัน ซึ่งจากการสืบสวนของตำรวจไต้หวันพบหลักฐานว่านายเฉิง เป็นผู้จัางวาน สาเหตุจากการโกรธเคืองที่ถูกคู่อริ โกงเงินพนันกว่า 11 ล้านตอลล่าร์ไต้หวัน (ประมาณ 50 ล้านบาท) ต่อมาได้ตรวจสอบพบว่านายเฉิง เดินทางหลบหนีคดีมา อยู่ในประเทศไทย จึงได้ประสานงานมายังสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ผบก.สส.สตม. จึงเพิกถอนวีซ่าของ นายเฉิง และสั่งการให้ ชุดปฏิบัติการ บก.สส.สตม.ทำการสืบสวนติดตามหาตัว นายเฉิง ต่อมาสืบทราบว่านายเฉิง พักอาศัยอยู่คอนโดแห่งหนึ่ง ย่านเมืองพัทยา อ.บางละมุง จว.ชลบุรี เจ้าหน้าที่ บก.สส.สตม. จึงได้เดินทางไปตรวจสอบ พบชายชาวไต้หวัน ทราบชื่อต่อมาคือ นาย เฉิง (นามสมมติ) สัญชาติไต้หวันจากการตรวจสอบพบว่าเป็นบุคคลตามหมายจับประเทศไต้หวันจึงแจ้งคำสั่งเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรของนายเฉิง จากนั้นควบคุมตัวส่ง กก.3 บก.สส.สตม. เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

4.บก.สส.สตม. รวบหนุ่มแดนมังกรหนีคดีเลี่ยงภาษีศุลกากรเสียหายกว่า 100 ล้านบาท

บก.สส.สตม. จับกุมนายลู่ (นามสมมติ) อายุ 52 ปี สัญชาติจีน ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของสาธารณรัฐประชาชนจีน ในข้อหา ลักลอบนำเข้าสินค้า (เม็ดพลาสติก) โดยหลีกเลี่ยงภาษีศุลกากร มูลค่าความเสียหายกว่า 100 ล้านบาท โดยจับกุมตัวในข้อหา เป็นคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต นำส่งพนักงานสอบสวน กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม. ดำเนินคดีตามกฎหมาย สถานที่จับกุม หน้าร้านอาหารแห่งหนึ่งในย่าน ต.บางพลี อ.บางพลี จว.สมุทรปราการ สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจสาธารณรัฐประชาชนจีนหน่วยปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ ประสานงานผ่านสถานเอกอัศรราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย แจ้งข้อมูลผู้ต้องหาตามหมายจับของสาธารณรัฐประชาชนจีน ราย นายลู่ (นามสมมติ) สัญชาติจีน อายุ 52 ปี ซึ่งมีหมายจับของสาธารณรัฐประชาชนจีน ในข้อหา ลักลอบนำเข้าสินค้า (เม็ดพลาสติก) โดยหลีกเลี่ยงภาษีศุลกากร มูลค่ารวม 20 ล้านหยวน (ประมาณ 100 ล้านบาท) ผบก.สส.สตม, จึงได้สั่งการให้ ชุดปฏิบัติการ บก.สส.สตม.ทำการสืบสวนติดตามจับกุม นายสู่ สัญชาติจีน ซึ่งต่อมาสืบทราบว่า ได้หลบหนีเข้ามาในประเทศไทยมาเป็นระยะเวลากว่า 10 ปี ปัจจุบันพักอาศัยอยู่คอนโดแห่งหนึ่งผ่านบางพลี จว.สมุทรปราการ เจ้าหน้าที่ บก.สส.สตม.จึงได้เดินทางไปตรวจสอบพบชายชาวจีน ทราบชื่อต่อมาคือ นายลู่ (นามสมมติ สัญชาติจีน จากการตรวจสอบพบว่าเป็นบุคคลตามหมายจับสาธารณรัฐประชาชนจีนจริง จึงได้ขอตรวจสอบหนังสือเดินทางปรากฎว่านายลู่ ไม่สามารถนำหนังสือเดินทางมาแสดงได้ จึงได้นำตัวมาตรวจสอบลายนิ้วมือกับระบบสารสนเทศสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (Biometics) พบว่านายลู่ เดินทางออกจากประเทศไทยตั้งแต่ปี 2556 ไม่พบข้อมูลการเดินทางเข้ามาในประเทศไทย อีก จากการสอบถามนายสู่ให้การรับว่าได้กระทำความผิดในการลักลอบนำเข้าสินค้าเม็ดพลาสติกไปยังประเทศจีนโดยไม่เสียภาษีศุลกากร ซึ่งภายหลังได้หลบหนีเข้ามายังประเทศไทย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้จับกุมตัว นายสู่ นำส่งพนักงานสอบสวน กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม.เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

5.รวบหนุ่มใหญ่ชาวจีนมอมเหล้าสาวเพื่อนร่วมชาติ ก่อนลากไปขืนใจคาโรงแรม

บก.สส.สตม. ได้จับกุมตัว นายหยาง (นามสมมติ สัญชาติ จีน อายุ 47 ปี สืบเนื่องมาจาก กก.2 บก.สส.สตม. ได้รับการประสานจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ประเวศ ให้ช่วยติดตามจับกุมตัว นายหยางฯ สัญชาติจีน ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลอาญาพระโขนง ที่ จ.1 18/2566 ลงวันที่ 2 มี.ค. 2566 ความผิดฐาน “ข่มขืน”กระทำชำเรา โดยขู่เข็ญด้วยประการใด ! โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยผู้อื่นนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ หรือโดยทำให้ผู้อื่นนั้นเข้าใจผิดว่าตนเป็นบุคคลอื่น” โดยพฤติการณ์ กล่าวคือ เมื่อเดือน 5.ค.2565 นายหยางฯ ได้ซักชวนหญิงผู้เสียหายชาวจีนไปรับประทานอาหารที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งย่านสุขุมวิท กรุงเทพฯ โดยระหว่างนั้นได้มีการดื่มแอลกอฮอล์จนกระทั่งผู้เสียหายเมาไม่ได้สติ นายหยางฯ จึงฉวยโอกาสพาผู้เสียหายไปเปิดห้องพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งภายในซอยศรีนครินทร์ 59 และได้ทำการข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายในขณะที่ยังเมาไม่ได้สติจนสำเร็จความใคร่เมื่อผู้เสียหายรู้สึกตัว จึงได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.ประเวศ ให้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาจนกกว่าคดีจะถึงที่สุด ต่อมาพนักงานสอบสวนได้ขออนุมัติศาลออกหมายจับนายหยางฯ ตามหมายจับข้างต้น ต่อมา กก.2 บก.สส.สตม. ได้สืบสวนติดตามตัวจนกระทั่งทราบว่า นายหยางฯ ได้หลบหนีไปอยู่ที่โรงงานผลิตยางรถยนต์แห่งหนึ่ง ใน อ.ปลวกแดง จว.ระยอง จึงได้วางกำลังเฝ้าดู พบนายหยางฯ กำลังเดินอยู่บริเวณหน้าโรงงานดังกล่าว จึงได้เข้าแสดงตัวและแสดงหมายจับให้ดู นายหยางฯ ตรวจดูแล้วรับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับนี้จริง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้จับกุมตัว โดยแจ้งข้อกล่าวหาและสิทธิตามกฎหมายให้ทราบ จากนั้นนำตัวส่ง พนักงานสอบสวน สน.ประเวศ เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่าง ๆ รวมถึงการเฝ้าระวังบุคคลทั้งสัญชาติไทยและสัญชาติอื่น 1 ที่มีหมายจับ และการเดินทางเข้า-ออกประเทศไทย หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง อาคารเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พระชนมพรรษา 60 พรรษา เลขที่904 หมู่ที่ 6 ตำบลบ้านใหม่ อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี 11120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือที่ www.immigration.go.th จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง