สืบนครบาล รวบเซียนฟลุ๊ค ขายพระเครื่องออนไลน์กำมะลอ

ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร./ ผอ.ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี PCT ให้ปราบปรามกลุ่มเครือข่ายองค์กรอาชญากรรมที่กระทำความผิดในโลกออนไลน์ทุกรูปแบบซึ่งสร้างความเดือนร้อนให้กับประชาชนผู้สุจริตจำนวนมาก โดยชุดลาดตระเวนออนไลน์ บก.สส.บช.น. ได้ออกลาดตระเวนออนไลน์จนเห็นถึงความเดือดร้อนของประชาชนซึ่งซึ่งเคยถูกคนร้ายชื่อเซียนฟลุ๊คซึ่งมีพฤติการณ์ก่อเหตุสร้างเฟซบุ๊กชื่อบัญชีต่างๆ เข้าไปโพสต์หลอกเช่าบูชาพระเครื่องในกลุ่มต่างๆ กว่า 50 กลุ่ม พื้นที่อีส่านตอนใต้ โดยโพสต์ประกาศเช่าบูชาพระเครื่องส่งพระชื่อบัญชี “ชรัณ มุกธวัตร” และ ชื่อบัญชี “Charun” , ชื่อบัญชี “Pat Pat” , ชื่อบัญชี “Pattara” , ชื่อบัญชี “Watpa” ก่อเหตุต่อเนื่องเรื่องมาตั้งแต่ปี 2560 มูลค่าความเสียหายรวมกว่า 5 ล้านบาท

ต่อมาวันที่ 12 มีนาคม 2566 เวลาประมาณ 15.30 น. พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. , พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. , พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. / หัวหน้าชุด PCT ชุดปฏิบัติการ 5 พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง , พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ สระทองออย รอง ผบก สส.บช.น. , พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. , พ.ต.ท.ยิ่งยศ ลีชัยอนันต์ , พ.ต.ท.พัชรพงษ์ กาญจนวัฎศรี รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. , พ.ต.ท.สมพงษ์ เกตุระติ สว.กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการที่ 5 กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. ได้ร่วมกันสืบสวนติดตามจับกุมตัว

นายภัทระหรือฟลุ๊ค (สงวนนามสกุล) อายุ 25 ปี อยู่ที่บ้านเลขที่ 181 หมู่ 9 ตำบลกุดแห่ อำเภอเลิงนกทา จังหวัดยโสธร ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลแขวงธนบุรี ที่ จ.356/2565 ลงวันที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ.2565 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ฉ้อโกง , โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ ซึ่งประชาชนทั่วไปไม่สามารถเข้าถึงได้ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง”

โดยสามารถติดตามจับกุมตัวได้ที่บริเวณหน้าบ้านไม่ทราบเลขที่ ภายในซอยวัดร่าง บ้านกุดแห่ ถ.ชยางกูร ตำบลกุดแห่ อ.เลิงนกทา จ.ยโสธร ซึ่งเป็นบ้านที่ผู้ต้องหาหลบมาพักอาศัย ในชั้นจับกุมผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยรับว่าตนเรียนจนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 เริ่มก่อเหตุมาตั้งแต่ปี 2560 โดยขณะนั้นอายุประมาณ 19 ปี ไม่มีอาชีพเป็นหลักแหล่ง มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องพระเครื่องใหม่สายภาคอีสานใต้ เคยมีเฟซบุ๊กสำหรับโพสต์ประกาศเช่าบูชาพระเครื่องส่งพระให้ลูกค้าจริง ชื่อบัญชี “ชรัณ มุกธวัตร” มีเครดิต มีคนติดตาม มีรายได้จากการปล่อยเช่าบูชาพระเครื่องกว่าเดือนละ 100,000 ถึง 200,000 บาท/ต่อเดือน แต่เนื่องจากติดเล่นเสียการพนันตามบ่อนวิ่งไพ่ป๊อกวิ่งในพื้นที่ ทำให้ไม่สามารถมีเงินมาหมุนทำการเช่าซื้อขายพระได้ จึงใช้เครดิตการเช่าซื้อขายพระที่ตนพอมีชื่อเสียงทำการหลอกเช่าบูชาพระเครื่องกับลูกค้าที่สนใจในกลุ่มเฟซบุ๊ก อาทิเช่น กลุ่ม “สุดยอดวัตถุมงคลหลวงปูแสง ญาณวโร” , กลุ่ม “พระเครื่องหลวงพ่อเล็กวัดท่าขนุน” , กลุ่ม “ครูบากฤษดา” เป็นต้น

เมื่อมีลูกค้าเริ่มทราบข่าวการถูกตนโกง ตนก็จะทำการเปลี่ยนชื่อเฟซบุ๊ก โดยใช้วิธีการสลับเปลี่ยนชื่อเฟซบุ๊กเดิมจากภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษ หรือสลับใช้นามสกุลภาษาอังกฤษขึ้นก่อนชื่อ หรือใช้ชื่ออื่นๆ ที่สื่อความหมายถึงวัด เช่น ชื่อบัญชี “Charun” , ชื่อบัญชี “Pat Pat” , ชื่อบัญชี “Pattara” , ชื่อบัญชี “Watpa” ทั้งนี้ ช่วงใดที่ตนเล่นพนันจนมีเงินก้อนพอใช้ก็จะหยุดโกงเพื่อให้เรื่องซา และกลับมาทำใหม่อีกเช่นเดิมวนไป

ที่ผ่านมาโดยเฉลี่ยมีผู้เสียหายหลงเชื่อตกเป็นเหยื่อเดือนละประมาณ 20 ราย มีรายได้จากผู้เสียหายที่หลงเชื่อรายละ 5,000 ถึง 400,000 บาท ก่อเหตุมาตั้งแต่ปี 2560 มูลค่าความเสียหายรวมกว่า 5,000,000 (ห้าล้านบาท) เงินที่ได้จากการก่อเหตุรับว่านำไปใช้จ่ายในชีวิตและเล่นพนันตามบ่อนวิ่งไพ่ป๊อก

จากการตรวจสอบประวัติการประทำความผิดในฐานข้อมูลสำนักงานตำรวจแห่งชาติพบข้อมูลประวัติคดี ในฐานข้อมูล จำนวน 9 คดี ประกอบด้วย

(1) ปี 2564 ต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ตัวการฉ้อโกง” ท้องที่ สภ.เมืองกาฬินธุ์ /สถานะหลบหนี

(2) ปี 2564 ต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ตัวการ นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอม โดยน่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชนฯ” ท้องที่ สภ.เมืองขอนแก่ง /สถานะควบคุมตัว

(3) ปี 2564 ต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ฉ้อโกง,นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอม โดยน่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชนฯ” ท้องที่ สภ.แสนสุข /สถานะหลบหนี

(4) ปี 2565 ต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ตัวการพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์” ท้องที่ สภ.เมืองนนทบุรี /สภานะควบคุมตัว

(5) ปี 2565 ต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ตัวการฉ้อโกงนำ เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอม โดยน่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน” ท้องที่ สน.สายไหม / สถานะอยู่ระหว่างหลบหนี

(6) ปี 2565 ต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ฉ้อโกง,นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอม โดยน่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน” ท้องที่ สน.สมเด็จเจ้าพระยา / สถานะหลบหนี

(7) ปี 2565 ต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ตัวการฉ้อโกง,ตัวการการเผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ ตามมาตรา 14 วรรคหนึ่ง (1) ที่มิได้กระทำต่อประชาชน แต่เป็นการกระทำต่อบุคคลใดบุคคลหนึ่ง” ท้องที่ สภ.ชัยบาดาล /สถานะควบคุมตัวถอนหมายจับ

(8) ปี 2566 ต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ตัวการฉ้อโกง” ต้องที่ สน.ธรรมศาลา สถานะ /อยู่ระหว่างการสอบสวนดำเนินคดี

(9) ปี 2566 ต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์” ท้องที่ สภ.เมืองราชบุรี /สถานะอยู่ระหว่างการสอบสวนดำเนินคดี

เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สน.สมเด็จเจ้าพระยา เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. กล่าวแจ้งเตือนภัยไปยังพี่น้องประชาชนว่าในสังคมปัจจุบัน มิจฉาชีพมีเล่เหลี่ยมกลโกงมากมายหลายรูปแบบ ขอให้ประชาชนได้โปรดใช้สติการโอนเงิน หากไม่แน่ใจ หรือสงสัยว่าบุคคลที่เข้ามาเสนอผลประโยชน์ เสนอขาย หรือชักชวนลงทุนในด้านต่างๆ นั้นจะเป็นมิจฉาชีพ หรือไม่ ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบ หรือแจ้งเบาะแสการกระทำความผิด มายังเพจ “สืบสวนนครบาล IDMB” ได้ตลอด 24 ชม. แม้จะเป็นคดีที่มีความเสียหายไม่มาก แต่หากเป็นคดีที่ประชาชนเดือดร้อน เราทำทันที ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.