เมื่อเวลา 18.00 น.วันที่ 8 มี.ค. 66 ที่ สภ.บางบัวทอง พ.ต.อ.พฤฒ จำรูญศาสน์ ผกก.สภ.บางบัวทอง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสภ.บางบัวทอง ร่วมกันจับกุมตัวนายมานัส ลอมาและ อายุ 38 ปี ที่อยู่ 27/2 ม.9 ต.ละหาร อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี หลังจากก่อเหตุใช้อาวุธปืนจี้ชิงทรัพย์รถแท็กซี่ ยี่ห้อโตโยต้า สีเขียว ทะเบียน ทฬ 2219 กทม. ของนายสุวัฒน์ ลามพัฒน์ อายุ 51 ปี เมื่อวันที่ 7 มี.ค. 66 เวลา 20.00 น. ที่ผ่านมา ที่เกิดเหตุบริเวณใกล้เคียงซ.วากัฟ 1 ม.12 ต.บางบัวทอง อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี โดยสามารถจับกุมตัวได้ที่เพิงพักไม่มีเลขที่ (ใกล้เคียงที่เกิดเหตุ) ม.4 ต.บางบัวทอง อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี พร้อมแจ้งข้อหา ใช้อาวุธปืนชิงทรัพย์ เบื้องต้นตรวจสอบประวัติ พบว่าคนร้ายเคยมีประวัติก่อเหตุอาชญากรรมมาก่อนหน้า
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 7 มี.ค. 66 เวลา 20.00 น. คนร้ายได้โบกรถขึ้นแท็กซี่กับลูกเลี้ยงของแฟนเก่า เป็นเด็กผู้ชาย อายุ 14 ปี ที่บริเวณถ.สรงประภา ดอนเมือง โดยปลายทางให้ไปส่งที่บ้านพักแถวบางบัวทอง จากนั้นผู้เสียหายได้ขับขี่ไปถ.345 กลับรถใต้สะพานคลองลำรี เข้าถ.340 จากนั้นได้มาจอดที่โรงเรียนสุเหร่าแสงประทีบ โดยคนร้ายออกอุบายว่าขอตัวลงไปเอาเงิน ผ่านไปประมาณ 10 นาที คนร้ายก็เดินขึ้นรถตามปกติ ทางผู้เสียหายก็ขับรถต่อไปเพื่อไปส่งลูกค้า ขณะที่ขับมาถึงบริเวณก่อนถึง ซ.วากัฟ 1 ม.12 ต.บางบัวทอง 50 เมตร คนร้ายใช้อาวุธปืนจี้ชิงทรัพย์รถแท็กซี่โดยบอกว่า “จอดรถและลงจากรถไป” แต่ทางลูกเลี้ยงของคนร้ายก็พยายามตะโกนห้ามพ่อเลี้ยงว่า “พ่ออย่าทำ” ทางด้านผู้เสียหายมีสติขับรถยนต์ไปจอดชิดกำแพงเพื่อที่ไม่ให้ประตูฝั่งคนร้ายเปิดแล้วลงจากรถมาทำร้ายร่างกาย ก่อนจะฉวยโอกาสเล่นทีเผลอหยิบมีดบริเวณประตูข้างคนขับตวัดไปที่บริเวณศีรษะของคนร้าย ทำให้ได้รับบาดเจ็บ ก่อนผู้เสียหายรีบลงจากรถแล้วได้วิ่งหลบหนีทันที หลังจากนั้นติดต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจในเวลาต่อมา ส่วนตัวผู้ต้องหาก็ขับรถไปต่อพร้อมได้รับบาดเจ็บบริเวณศีรษะ ก่อนถูกเจ้าของบริษัทแท็กซี่ตัดระบบดับเครื่องจากระยะไกล ทำให้ผู้ก่อเหตุต้องลงจากรถแล้วหลบหนีไปก่อนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับ
นายมานัส (ผู้ก่อเหตุ) กล่าวอ้างว่า ตอนที่จะนั่งแท็กซี่ออกมาตนไม่ได้วางแผนเจาะจงว่าจะต้องเป็นคันไหน เพราะตนพาเด็กมาด้วยเป็นลูกเลี้ยงของตนเอง ตอนก่อนจะลงมือตนได้ให้แท็กซี่ขับพาไปที่บ้านเพื่อไปเอาปืนแก๊ปออกมาจี้ โดยปืนกระบอกนี้ตนเห็นมีคนทิ้งอยู่ข้างทางจึงเก็บมาไว้ที่บ้าน สาเหตุที่ตนลงมือก่อเหตุเพราะ แท็กซี่ไม่ให้ลงจากรถเพราะตนไม่มีเงินจ่าย เป็นสาเหตุที่ต้องลงมือในครั้งนี้
พ.ต.อ พฤกษ์ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจได้รับแจ้งจากเจ้าของบริษัทแท็กซี่ว่าถูกคนร้ายใช้อาวุธปืนจี้ชิงทรัพย์ เวลาประมาณ 21.00 น. วันที่ 7 มี.ค. 66 ที่ผ่านมา พร้อมส่งโลเคชั่นให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ตนจึงประสานสายตรวจสภ.บางบัวทอง ให้รีบเร่งไปดำเนินการระงับเหตุทันที หลังจากที่ถึงจุดเกิดเหตุก็พบเพียงแต่รถแท็กซี่จอดอยู่ข้างทาง ซึ่งถือว่าโชคดีเพราะทางแอพพลิเคชั่นของบริษัทแท็กซี่สามารถดับเครื่องรถยนต์ในระยะไกลได้ ถือว่าเป็นข้อดี ทำให้คนร้ายหนีไปไหนไม่ได้ ต้องจอดรถทิ้งไว้ โดยจุดที่พบรถก็คือบริเวณ ซ.บ่อตกปลาฟ้าใส ม.12 ต.บางบัวทอง อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ซึ่งตอนนั้นตำรวจก็ทราบแล้วว่าผู้ก่อเหตุหนีกลบดานไปที่ไหน แต่ก็ยังไม่สามารถเข้าไปตามจับกุมตัวได้ในทันที เพราะคนร้ายมีอาวุธปืนไว้ครอบครอง จนกระทั่งเวลา 06.30 น. ของวันนี้ได้มีการประสานฝ่ายสืบสวนสภ.บางบัวทอง ระดมกำลังมาปิดล้อมที่เพิงพักของผู้ต้องหาแล้วที่อยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 100 เมตร ก่อนเข้าจับกุมตัวคนร้ายนำตัวไปที่สภ.บางบัวทอง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
พ.ต.อ.พฤกษ์ กล่าวต่ออีกว่า ในการจับกุมตัวครั้งนี้ตนได้ความร่วมมือจากบริษัทแท็กซี่ที่มีกล้องภายในรถ สามารถบันทึกพฤติกรรมคนร้ายในขณะที่ก่อเหตุได้ รวมถึงทางบริษัทได้ตัดการควบคุมรถในทันที หลังจากได้รับแจ้งจากผู้เสียหาย จึงทำให้คนร้ายไม่สามารถขับรถได้และขอบคุณชาวบ้านที่ช่วยแจ้งเบาะแสของโครงการ 1 ตำบล 1 หมู่บ้าน มีการพูดคุยประสานงานถึงกำนันผู้ใหญ่บ้านให้ข้อมูลเจ้าหน้าที่ตำรวจจนนำไปสู่การจับกุมตัว ในเบื้องต้นได้สอบปากคำเด็กวัย 14 ปี ที่ผู้ต้องหาพามาด้วย พบว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับทางคดีใดๆทั้งสิ้น จึงประสานญาติพาตัวกลับไป ส่วนทางด้านของผู้เสียหายที่มีการใช้อาวุธมีดตวัดไปที่ศีรษะคนร้ายจนทำให้คนร้ายได้รับบาดเจ็บนั้นเป็นการป้องกันตัวไม่มีการแจ้งข้อหาใดๆทั้งสิ้น สุดท้ายจึงอยากฝากถึงผู้ขับรถโดยสารในเวลากลางคืนให้เป็นอุทาหรณ์หรือใครที่ขับรถแท็กซี่ ขอให้ติดกล้องภายในรถและเป็นกล้องที่หันเข้ารถและหันออกนอกรถเผื่อเกิดเหตุฉุกเฉินจะได้มีภาพไว้เป็นหลักฐาน