จากกล้องวงจรปิด ของร้านทอง โกลด์เด้นไนน์ตี้ไนน์ หน้าด่านพรมแดนแม่สาย อ.แม่สาย จ.เชียงราย ขณะที่คนร้ายทำทีมาขอดูสร้อยคอทองคำ แล้วลองสวมใส่ที่คอของตนเอง จากนั้นได้อาศัยจังหวะที่พนักงานเผลอนำสร้อยคอทองคำวิ่งออกจากร้าน แต่พนักงานรู้ทันได้กดล๊อกประตูนิรภัยเอาไว้ ขณะที่ยังมีลูกค้ารายอื่นอนยู่ในร้านด้วย ก่อนประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาที่เกิดเหตุเพื่อควบคุมตัว โดยเกิดเหตุเมื่อเวลาประมาณ 11.20 น. วันที่ 7 ก.พ. 2566
หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่สาย ภายใต้การอำนวยการของ พ.ต.อ.พิพัฒน์ นาระเดช ผกก.สภ.แม่สาย ได้รับแจ้งจึงได้นำกำลังไปยังร้านทองดังกล่าวเพื่อจับกุม ผู้ต้องหาทราบชื่อ คือนายกันต์ แซ่จาง อายุ 34 ปีชาว ต.กองแขก อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ พร้อมของกลาง สร้อยคอทองคำ 1 เส้น น้ำหนัก 1 บาท ที่คล้องอยู่ที่คอ นอกจากนี้ยังพบบัตรผู้ป่วยโรงพยาบาลสวนปรุง ระบุชื่อนายกันต์ เป็นผู้ป่วยอยู่ด้วย
จากการสอบถามพนักงานของร้าน ทราบว่า ก่อนเกิดเหตุมีลูกค้าอยู่ในร้านหลายคน รวมถึงนายกันต์ที่สวมหมวกมิดชิดเดินเข้ามาที่ร้านตามลำพังด้วยบุคลิกที่นิ่งไม่แสดงอาการให้น่าสงสัยว่าจะเป็นคนร้าย จากนั้นได้ขอดูสร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท แต่เนื่องจากเห็นว่ามีลักษณะนิ่งเกินไปและไม่ถอดหมวก จึงเริ่มสงสัยพร้อมขอให้ถอดหมวกก่อน เมื่อชายคนดังกล่าวก็ยอมถอดออกพนักงานจึงยื่นสร้อยทองให้เพียง 1 เส้น จากที่ถือมาให้เลือก 3 เส้น ทันทีที่ชายคนดังกล่าวทดลองสวมสร้อยคอแล้ว กลับไม่ยอมถอดและจะเดินออกจากร้าน พนักงานที่ระวังอยู่แล้วจุงปิดประตูอัตโนมัติส่งผลทำให้นายกันต์นติดอยู่ในร้านดังกล่าว
เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบถามนายกันต์ เบื้องต้นก็ให้การรับสารภาพว่าเดินทางจากสถานีขนส่งผู้โดยสาร จ.เชียงใหม่ มาถึงสถานีขนส่งผู้โดยสาร อ.แม่สาย ช่วงเช้าวันเดียวกันจากนั้นได้นั่งรถจักรยานยนต์รับจ้างไปชายแดนก่อนเข้าไปก่อเหตุที่ร้านทองโดยไม่ได้วางแผนล่วงหน้า เพราะต้องการจะติดคุกที่ จ.เชียงราย เนื่องจากไม่มีทางเลือกในชีวิตและตกงานอยู่ในช่วงย่ำแย่ ประกอบกับต้องรักษาอาการป่วยที่โรงพยาบาลสวนปรุง จ.เชียงใหม่ ต้องรับยามากินเป็นประจำแต่ช่วงก่อเหตุไม่ได้นำยามาด้วย
เจ้าหน้าที่ตรวจค้นตัวพบหลักฐานเป็นเอกสารการเข้ารับการรักษาจริง แต่นายกันต์ก็สารภาพอีกว่าเมื่อปี 2550 เคยถูกจำคุกข้อหาลักทรัพย์มาแล้ว 1 ครั้ง เป็นเวลา 2 ปี 6 เดือน เหตุเกิดที่ อ.แม่แจ่ม เจ้าหน้าที่จึงนำตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนและนำตัวทำแผนประกอบคำรับสารภาพตามกฎหมายต่อไป
