ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร., พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. ในเรื่องการปราบปรามการโจรกรรมรถยนต์ รถจักรยานยนต์ ในฐานความผิดที่เกี่ยวเนื่องกับการปราบปรามการโจรกรรมรถยนต์ รถจักรยานยนต์ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการแก้ไขปัญหาการโจรกรรมรถยนต์ รถจักรยานยนต์ในทุกมิติ
ตำรวจภูธรภาค 5 โดย พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผบช.ภ.5, พล.ต.ต.เฉลิมพล จินตรัตน์ รอง ผบช.ภ.5, พล.ต.ต.วรพงศ์ คำลือ ผบก.สส.ภ.5 ได้ร่วมกันแถลงผลการจับกุมคดีลักทรัพย์รถยนต์รายใหญ่ ซึ่งทำเป็นขบวนการเครือข่าย โดยเป็นการจับกุมของ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.3 บก.สส.ภ.5 และ กก.สส.ภ.จว.เชียงใหม่ ซึ่งสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้รวม 4 คน ตรวจยึดรถยนต์ได้จำนวน 8 คัน รถจักรยานยนต์ จำนวน 1 คัน
คดีนี้ สืบเนื่องเมื่อวันที่ 12 มกราคม 2566 เวลาประมาณ 14.00น. ได้มีคนร้ายเป็นผู้หญิง แสดงชื่อ ใช้บัตรประชาชนและใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ ซึ่งเป็นบัตรปลอม ในการทำสัญญาเช่ารถยนต์ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นฟอร์จูนเนอร์ สีน้ำตาล ทะเบียน 5กย-9016 กทม. ที่บริเวณโรงแรมบีทู สาขามหิดล หลังจากส่งมอบรถ คนร้ายได้ตัดสัญญาณ GPS ของตัวรถเช่า เจ้าของรถทราบเรื่องจึงไปแจ้งความร้องทุกข์ต่อ พงส.สภ.แม่ปิง และทาง กก.สส.3 บก.สส.ภ.5 ได้เข้าทำการสืบสวนในเรื่องนี้
ต่อมาในวันที่ 14 มกราคม 2566 เวลาประมาณ 11.00น. เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม สามารถจับกุมตัว นายศุภวิชญ์ฯ พร้อมกับรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นฟอร์จูนเนอร์ สีน้าตาล ทะเบียน 5กย-9016 กรุงเทพมหานคร รถยนต์ที่ถูกเช่าไปดังกล่าว ที่บริเวณบนถนนสายเรียบคันคลองชลประทาน ต.ริมใต้ อ.แม่ริม จว.เชียงใหม่ และจากการขยายผล ณ ที่เกิดเหตุ สามารถจับกุมตัว นายสุมิตรฯ พร้อมรถยนต์ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นฟอร์จูนเนอร์ สีดา ทะเบียน 6กส-9804 กรุงเทพมหานคร ได้ที่ลานจอดรถสถานีบริการน้ามันเชื้อเพลิง ปตท.สาขาแม่มาลัย ต.ขี้เหล็ก อ.แม่แตง จว.เชียงใหม่ จึงได้จับกุมตัวผู้ต้องหาทั้งสอง พร้อมยึดรถยนต์ของกลาง ส่ง พงส.สภ.แม่ปิง จว.เชียงใหม่ ดำเนินคดีในความผิดฐาน “ร่วมกันลักทรัพย์หรือรับของโจร”
จากการสืบสวนขยายผลกลุ่มขบวนการ สามารถขออนุมัติหมายจับจากศาลจังหวัดเชียงใหม่ ออกหมายจับ น.ส.ปวีณาฯ และ น.ส.ตวงพรฯ บุคคลผู้มาทำธุรกรรมการเช่ารถ , แสดงบัตรประชนชนและใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ปลอม และเป็นผู้ถอดอุปกรณ์ GPS รถคันดังกล่าว และในวันที่ 20 มกราคม 2566 สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาหญิงทั้งสองคนตามหมายจับนำ ส่ง พงส.สภ.แม่ปิง
ทั้งนี้ได้ ฝ่ายสืบสวนได้ทำการขยายผลสามารถ ตรวจยึดรถยนต์ในเครือข่ายนี้ได้รวม จำนวน 8 คัน และ รถจักรยานยนต์ จำนวน 1 คัน และขณะนี้อยู่ในระหว่างการตรวจสอบรถทั้งหมดเพื่อขยายผลดำเนินคดีกับกลุ่มนายทุน ทั้งที่อยู่ภายในหรือภายนอกราชอาณาจักร รวมถึงผู้ร่วมขบวนการที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกคน
สำหรับรูปแบบการกระทำความผิดของเครือข่ายนี้ มีอยู่ด้วยกันที่ตรวจพบในขณะนี้ จำนวน 3 รูปแบบ คือ
1.เช่าแล้วเชิด – คนร้ายจะทำการเช่ารถตามร้านเช่า มีทั้งที่แสดงตัวตนตามบัตรประชาชนจริง และปลอมแปลงเอกสารฯ เพื่ออำพรางตัวตน จากนั้นตัดสัญญาณ GPS แล้วนำรถไปขายต่อ
2.จ้างให้ไปเช่าซื้อรถ – คนร้ายจะจ้างวานให้บุคคลที่มีศักยภาพทางการเงิน ไปกู้ซื้อรถจากโชว์รูม / เต้นท์รถ โดยบุคคลนั้นยินยอมรับค่าจ้างเป็นเงินสดแลกกับการขาดทุนจากการผ่อนชาระค่างวดรถรายเดือน จากนั้นจะนำรถออกจำหน่ายข้ามแดน
3.รถหลุดจำนำ – คนร้ายจะนำรถที่มีบุคคลนำมาจำนำไว้ ซึ่งอาจผิดนัดชำระเงินต้น และ/หรือ ดอกเบี้ย ไปจำหน่ายในราคาถูก อีกทอดหนึ่ง
ประชาสัมพันธ์ และเตือนภัย จากตำรวจภูธรภาค 5
1.ตรวจสอบบัตรประจำตัวประชาชนว่าเป็นของจริงหรือไม่ ภาพในบัตรประจำตัวประชาชนตรงกับผู้มาเช่าหรือไม่ มีการปลอมแปลงบัตรประจำตัวประชาชนหรือไม่
2.เมื่อเช่ารถเสร็จแล้วก่อนส่งมอบรถควรถ่ายภาพผู้มาเช่าคู่กับรถ และให้ผู้เช่า ถอดแมส แว่นตากันแดด หมวกให้เรียบร้อยก่อนส่งมอบรถ
3.กลุ่มคนร้ายในเคสนี้หลังจากเช่ารถแล้วจะมีการตัดสัญญาณ GPS เพื่อไม่ให้ทราบพิกัดของรถว่าอยู่ที่ใด ควรหามาตรการการป้องกันและแก้ไข
4.การดาวน์ ลักษณะดังกล่าวผู้ที่รับจ้างการดาวน์รถแล้ว จะขายให้นายทุนเป็นเงินก้อนในราคาที่ต่ำกว่าราคาจริง ขอแจ้งเตือนผู้รับจ้างดาวน์ว่าในการขายในราคาถูกจะทำให้ผู้รับจ้างดาวน์จ่ายเงิน(ผ่อน) รถในราคาปกติและถ้าหากไม่จ่ายเงินตามระยะเวลาที่กาหนดอาจจะถูกไฟแนนซ์ฟ้องร้องเป็นคดีได้ และอาจมีการใช้รถยนต์ในการจ้างดาวน์ไปใช้ในการกระทำความผิด เช่น ลักลอบขนยาเสพติด ลักลอบนำรถข้ามแดนโดยผิดกฎหมาย ซึ่งผู้รับจ้างดาวน์จะต้องโดนดำเนินคดีด้วยเนื่องจากเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์รถยนต์ที่ใช้ในการกระทำความผิด
5.การรับจำนำรถ รถที่นำมาจำนำผู้รับจำนำไม่ทราบที่มาของรถ ประวัติของรถ ซึ่งอาจเป็นรถที่ใช้การทำความผิดมา แล้วนำมาจำนำ ผู้รับจำนำอาจถูกดำเนินคดีในความผิดฐาน ลักทรัพย์ ยักยอก หรือรับของโจรได้