เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 28 ม.ค. พล.ต.ท.สุคุณ พรหมายน ผบช.ทท. ,พล.ต.ต. อภิชาติ สุริบุญญา รองผบช.ทท.พล.ต.ต.มล.สันธิกร วรวรรณ ผบก.ทท.1 , สั่งการให้พ.ต.อ.ปิยรัช สุภารัตน์ ผกก.1 บก.ทท.1 พ.ต.ท.ขวัญพล เพ็งเดือน สว.ส.ทท.2 กก.1 บก.ทท.1 พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส.ทท.2 กก.1 บก.ทท.1 ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ลุมพินี เข้าตรวจสอบผู้ค้าดอกไม้บริเวณภายนอกศาลท้าวมหาพรหม และร้านค้าของมูลนิธิทุนท่านท้าวมหาพรหมโรงแรมเอราวัณ หลังปรากฎมีคลิปว่อนโลกโซเชียลมีเดียว่า นักท่องเที่ยวจีน มาไหว้ศาลท้าวมหาพรหมเอราวัณ เจอแม่ค้าไทยคิดราคาดอกไม้ สำหรับสักการะบูชาพระพรหมหลักหมื่น จึงเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในโลกสังคมออนไลน์
จากการตรวจสอบไม่พบผู้หญิงเสื้อสีแดงที่ปรากฏตามคลิป แต่ได้สอบถาม น.ส.รุ่งทิวา จั่นเอี่ยม ผู้อยู่ในเหตุการณ์ ให้การว่า คลิปดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงเทศกาลตรุษจีน โดยมีกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนมาที่ศาลท้าวมหาพรหม จำนวน 10 คน พร้อมไกด์คนไทยพามา ซึ่งนักท่องเที่ยวชาวจีน 6 คน ซื้อของต่างๆ ประกอบไปด้วย ชุดไหว้ 1,200 บาท จำนวน 2 ชุด, ชุดไหว้ 900 บาท จำนวน 2 ชุด และชุดไหว้ 600 บาท จำนวน 2 ชุด รวมเป็นเงิน 5,700 บาท ซึ่งทางผู้ค้าได้ลดราคาเหลือ 4,800 บาท นอกจากนี้ยังได้ ปล่อยนกเขา ชุดละ 2,000 บาท จำนวน 3 ชุด ราคา 6,000 บาท รวมราคาทั้งสิ้น 10,800 บาท ในส่วนที่มีชายถ่ายคลิป น.ส.รุ่งทิวา ระบุว่า ชายที่ถ่ายคลิปมิได้มากับนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้แต่อย่างใด
ขณะเดียวกันได้ตรวจสอบถามราคาจากร้านค้าของมูลนิธิทุนท่านท้าวมหาพรหมโรงแรมเอราวัณ กับ ผู้ค้าดอกไม้บริเวณภายนอกศาลท้าวมหาพรหม พบว่า ดอกไม้ร้านค้าของมูลนิธิทุนท่านท้าวมหาพรหมโรงแรมเอราวัณแต่ละชุดมีราคาตั้งแต่ 50-1,000 บาท , ส่วนผู้ค้าดอกไม้บริเวณภายนอกศาลท้าวมหาพรหม แต่ละชุดมีราคาตั้งแต่ 100-1,200 บาท พร้อมกันนี้ได้นำตัวอย่างดอกไม้จากทั้งสองร้านค้ามาเปรียบเทียบ พบว่ามีลักษณะที่แตกต่างกัน อีกทั้งรายละเอียดราคาจะเพิ่มขึ้นตามจำนวนนักท่องเที่ยวที่ไหว้ ยิ่งนักท่องเที่ยวหลายคนราคาก็คูณตามชุดตามเรตราคา สำหรับกรอบราคาปรับเปลี่ยนได้ ถึงแม้มีมาก่อนช่วงโควิดก็ตาม ไม่เป็นราคาที่ตายตัว
พ.ต.อ.ปิยรัช กล่าวว่า ทั้งนี้ต้องรวมคุยหารือหลายๆฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ให้เป็นเรตราคาที่เป็นธรรมกับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ จึงเป็นเรื่องที่ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้เน้นย้ำไม่ให้มีการขูดรีดเอาเปรียบนักท่องเที่ยว โดยจะต้องอำนวยความยุติธรรม คุ้มครองผลประโยชน์ของนักท่องเที่ยว และอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ตลอดจนแหล่งท่องเที่ยวให้ได้รับ ความเป็นธรรม และมีคุณภาพตามมาตรฐานสากล และทางรัฐมนตรีการท่องเที่ยวและกีฬา ก็ยังพูดถึงการดูแลนักท่องเที่ยวด้วยไมตรีจิต รวมถึงในเรื่องนี้ต้องพูดคุยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องพูดคุยหารือถึงจุดเหมาะสมต่อไป อย่างไรก็ต่อก็ขอขอบคุณ สื่อมวลชนและประชาชน ที่ช่วยกันตรวจสอบแจ้งมาและขอประชาสัมพันธ์สายด่วนตำรวจท่องเที่ยว 1155
