พลตำรวจโท วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี แถลงผลการจับกุมเครือขายบุหรี่ไฟฟ้า พร้อมของกลาง บุหรี่ไฟฟ้า และน้ำยาสำหรับเติม จำนวน 138,254 ชิ้น มูลค่ากว่า 30 ล้านบาท
สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้ เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2565 กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ บช.สอท.ได้เปิดปฏิบัติการทลายเครือข่ายบุหรี่ไฟฟ้าโดยจับกุมผู้ต้องหาพร้อมของกลาง บุหรี่ไฟฟ้า และน้ำยาสำหรับเติมบุหรี่ไฟฟ้า จำนวน 327,400 ชิ้น รวมมูลค่ากว่า 60 ล้านบาท
ต่อมาได้ขยายผลการสืบสวนจนทราบว่าเครือข่ายดังกล่าวเช่าโกดังแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสระบุรี เป็นที่เก็บของ จึงได้ขออนุมัติหมายค้นจากศาลจังหวัดสระบุรี เข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 49/2 หมู่ที่ 2 ตำบลดาวเรือง อำเภอเมืองสระบุรี พบบุหรี่ไฟฟ้า และน้ำยาสำหรับเติมบุหรี่ไฟฟ้า จำนวน 135,600 ชิ้น มูลค่า 30 ล้านบาท และจับกุม นายแพท อายุ 28 ปี และนายแก๊ป อายุ 35 ปี ซึ่งเป็นเจ้าของและผู้ดูแล จึงแจ้งข้อหา “ร่วมกัน ช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำ หรือรับไว้โดยประการใดซึ่งของอันตนรู้ว่าเป็นของที่ยังมิได้ผ่านพิธีการศุลกากร หรือเคลื่อนย้ายของออกไปจากยานพาหนะ คลังสินค้าทัณฑ์บน โรงพักสินค้า ที่มั่งคง ท่าเรือ รับอนุญาต หรือเขตปลอดอากร โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานศุลกากร” เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2560”
นอกจากนี้ยังได้ขยายผลตรวจค้นร้าน Seoul Hub อาคารพาณิชย์ 2 ชั้น เลขที่ 49/5 ถนนบางกรวย-ไทรน้อย ตำบลบางรักพัฒนา อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี, และร้าน WARP CAFÉ ที่ถนนโยธาธิการนนทบุรี สายท่าอิฐ ตำบลบางรักน้อย อำเภอเมืองนนทบุรี และจับกุมนายแบงค์ ซึ่งเป็นเครือข่ายที่รับบุหรี่ไฟฟ้า และน้ำยา มาจำหน่ายต่อ พร้อมยึดของกลางเป็นบุหรี่ไฟฟ้า , น้ำยาสำหรับเติมบุหรี่ไฟฟ้า และอุปกรณ์บุหรี่ไฟฟ้า ได้อีก 2,654 ชิ้น มูลค่า 2 แสนบาท
พลตำรวจโท วรวัฒน์ เปิดเผยว่า เครือข่ายบุหรี่ไฟฟ้าที่ขยายผลจับกุมล่าสุดนั้นจะส่งจำหน่ายให้กับผู้ค้าในภาคกลาง โดยเฉพาะในจังหวัดนนทบุรี ซึ่งตำรวจไซเบอร์จะขยายผลจับกุมเครือข่ายอื่นอย่างต่อเนื่อง หากประชาชนพบเบาะแสการกระทำความผิด ให้แจ้งมายังกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ตำรวจไซเบอร์ หรือทาง www.thaipoliceonline.com เพื่อไปตรวจสอบดำเนินการต่อไป