ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) รวบเจ้าของบัญชีม้า หลอกขายหลวงพ่อโสธรทิพย์

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) กองบังคับการปราบปราม ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป., พ.ต.อ.ณัฐพงษ์ ปิตะบุตร, พ.ต.อ.พัฒนศักดิ์ บุบผาสุวรรณ, พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.ปทักข์ ขวัญนา ผกก.4 บก.ป., พ.ต.ท.รณกร สุขมงคล, พ.ต.ท.เอกสิทธิ์ ปานสีทา, พ.ต.ท.ศุภกร ตังคะประเสริฐ รอง ผกก.4 บก.ป. และ พ.ต.ท.นโรตน์
ยุวบูรณ์ รอง ผกก.สสน.ฯ ปรท.รอง ผกก.4 บก.ป. เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย ว่าที่ พ.ต.ท.กิตติพงศ์ ศิลาพันธุ์ สว.กก.4 บก.ป., ร.ต.อ.พนา สี่สุวรรณ รอง สว.(สอบสวน) กก.4 บก.ป. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ป.

ร่วมกันจับกุม น.ส.ศุภาจรีย์ฯ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 25 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดพิษณุโลกที่ จ.334/2565 ลงวันที่ 7 กันยายน 2565 โดยต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ฉ้อโกง และโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน”สถานที่จับกุม บริเวณลานจอดรถกองบังคับการปราบปราม แขวงจอมพล เขตจตุจักร กทม.

พฤติการณ์ สืบเนื่องจากคนร้ายได้ประกาศขายพระเครื่องหลวงพ่อโสธร รุ่นประวัติศาสตร์ 80 ปี กรมตำรวจทางเพจเฟซบุ๊ก เมื่อผู้เสียหายเห็นและมีความสนใจต้องการซื้อ จึงติดต่อคนร้ายไปและตกลงซื้อ พระเครื่องดังกล่าวในราคา 20,000 บาท โดยคนร้ายได้ให้ผู้เสียหายโอนเงินเข้าบัญชีชื่อ น.ส.ศุภาจรีย์ฯ จำนวน 20,000 บาท หลังจากโอนเงินแล้ว คนร้ายก็บล็อกเฟซบุ๊กผู้เสียหายแล้วหนีไป ผู้เสียหายจึงได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สภ.วัดโบสถ์ และพนักงานสอบสวนได้ดำเนินการจนศาลได้ออกหมายจับดังกล่าว


จากการสืบสวนเบื้องต้น พบว่าบัญชีชื่อ น.ส.ศุภาจรีย์ฯ เป็นบัญชีรับเงินของกลุ่มเครือข่ายหลอกลงทุนปั่นยอดซื้อขายสินค้า ที่หลอกให้ลงทุนซื้อสินค้าที่ไม่มีอยู่จริง เพื่อให้ร้านค้ามียอดการสั่งซื้อเพิ่มขึ้น ยิ่งทำภารกิจสั่งซื้อมาก ยิ่งได้รับเงินตอบแทนมาก แต่เมื่อต้องการถอนเงินจะไม่สามารถทำได้ ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ป. ได้ทำการสืบสวนจนทราบว่า น.ส.ศุภาจรีย์ฯ หลบหนีมากบดานอยู่ในพื้นที่ กทม. จึงได้ลงพื้นที่สืบสวนติดตามตัว จนสามารถจับกุม น.ส.ศุภาจรีย์ฯ ได้ในที่สุด และจะได้นำตัว น.ส.ศุภาจรีย์ฯ ส่งพนักงานสอบสวน สภ.วัดโบสถ์ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป


สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ให้การรับสารภาพว่าได้รับจ้างเปิดบัญชีจริง โดยได้รับค่าจ้าง บัญชีละ 1,000 บาท แล้วนำข้อมูลบัญชีให้แฟนหนุ่ม เพื่อส่งต่อไปให้หัวหน้าซึ่งเป็นผู้หญิงอาศัยอยู่แถบชายแดนไทยติดปอยเปต ประเทศกัมพูชา ซึ่ง น.ส.ศุภาจรีย์ฯ เคยเอาสมุดบัญชีไปอัปเดต พบว่ามียอดเงิน เข้าออกในบัญชีกว่า 1 ล้านบาท