กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.ภูมินทร์ พุ่มพันธ์ม่วง รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.ศารุติ แขวงโสภา ผบก.ปคม., พ.ต.อ.มารุต กาญจนขันธกุล,พ.ต.อ.ณรงค์ เทศวิบูลย์, พ.ต.อ.สุรพงษ์ ชาติสุทธิ์, พ.ต.อ.กฤตัชญ์ บำรุงรัตนยศ, พ.ต.อ.ณัฏฐ์ สุวรรณวัฒนะ รอง ผบก.ปคม.
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมนำโดย พ.ต.อ.พัฒนพงศ์ ศรีพิณเพราะ ผกก.2 บก.ปคม., พ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.3 บก.ปคม., พ.ต.ท.พระเนียง พรหมมี รอง ผกก.2 บก.ปคม., พ.ต.ท.สมเดช สาระบรรณ์ รอง ผกก.3 บก.ปคม., พ.ต.ท.ศิษฏ์ พูลวงศ์ สว.กก.2 บก.ปคม., พ.ต.ท.เอนก บุญตา สว.กก.3 พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจบก.ปคม.
1.ยุทธการ “ทลายเครือข่ายซ้อเจี๊ยว” ตัวแม่เมืองจันทบุรี นำเด็กชายอายุ 13 ปี ขายบริการทางเพศ ผ่านสื่อสังคมออนไลน์
จับกุมผู้ต้องหา คือ นายชยดล หรือเอส (สงวนนามสกุล) อายุ 45 ปี และนายสุกรี หรือซ้อเจี๊ยว (สงวนนามสกุล) อายุ 72 ปี โดยกล่าวหาว่ากระทำผิดฐาน
1.สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์แสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากการค้าประเวณี โดยกระทำแก่บุคคลอายุยังไม่เกินสิบห้าปี และได้กระทำผิดตามที่ได้สมคบกัน
2.ร่วมกันค้ามนุษย์เพื่อการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากการค้าประเวณี โดยกระทำแก่บุคคลอายุยังไม่เกินสิบห้าปี, ร่วมกันเป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือชักพาไป ซึ่งบุคคลใด เพื่อให้บุคคลนั้นกระทำการค้าประเวณี แม้บุคคลนั้นจะยินยอมก็ตาม และไม่ว่าการกระทำต่าง ๆ อันเป็นความผิดนั้นจะได้กระทำภายในหรือภายนอกราชอาณาจักร ซึ่งเป็นการกระทำแก่บุคคลอายุไม่เกินสิบห้าปี
3.ร่วมกันเพื่อสนองความใคร่ของผู้อื่น เป็นธุระจัดหา ล่อไปหรือชักพาไปเพื่อการอนาจารซึ่งชายหรือหญิงแม้ว่าบุคคลนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตามซึ่งโดยกระทำแก่บุคคลอายุไม่เกินสิบห้าปี, ร่วมกัน ชักจูง ยุยง ส่งเสริม ยินยอม ให้เด็กประพฤติไม่สมควร หรือน่าจะทำให้เด็กมีความประพฤติเสี่ยงต่อการกระทำผิด หรือน่าจะทำให้เด็กมีความประพฤติเสี่ยงต่อการกระทำความผิด
4.ร่วมกันกระทำการด้วยประการใด ๆ โดยการช่วยเหลือให้ความสะดวก หรือคุ้มครองการค้าประเวณีจองผู้อื่น รับประโยชน์ไม่ว่ารูปแบบใด จากการค้าประเวณีของผู้อื่น หรือจากผู้ซึ่งค้าประเวณี และจัดให้มีการค้าประเวณี ระหว่างผู้ซึ่งค้าประเวณีกับผู้ใช้บริการ
5.ร่วมกันเป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือชักพาไป ซึ่งบุคคลใด เพื่อให้บุคคลนั้นกระทำการค้าประเวณี แม้บุคคลนั้นจะยินยอมก็ตาม และไม่ว่าการกระทำต่าง ๆ อันเป็นความผิดนั้นจะได้กระทำภายในหรือภายนอกราชอาณาจักร
6.ร่วมกันเพื่อสนองความใคร่ของผู้อื่น เป็นธุระจัดหา ล่อไปหรือชักพาไปเพื่อการอนาจารซึ่งชายหรือหญิงแม้ว่าบุคคลนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม
พร้อมด้วยของกลาง
1.ธนบัตรที่ใช้ในการอำพรางเพื่อสืบสวนจับกุมผู้กระทำผิดคดีค้ามนุษย์ รวมเป็นเงินจำนวน 3,000 บาท
2.โทรศัพท์มือถือ จำนวน 2 เครื่อง
3.ถุงยางอนามัย 2 ชิ้น
พฤติการณ์ในการจับกุม ก่อนเกิดเหตุ เมื่อเดือนกันยายน 2565 ที่ผ่านมา ชุดสืบสวนออนไลน์ของ กก.2 บก.ปคม. ได้สืบสวนพบว่ามีบัญชีทวิตเตอร์ ชื่อว่า “คนจันท์ไลน์ @chadon_chang” มีพฤติการณ์เป็นนายหน้าขายบริการทางเพศเด็กทั้งหญิงและชาย โดยมีการโพสต์โฆษณาสาธารณะ ในลักษณะบุคคลทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ ในลักษณะเป็นธุระจัดหา หรือชักชวนให้มีการซื้อขายบริการทางเพศผ่านทวิตเตอร์ดังกล่าว เช่น “มีน้อง ๆ ชายแท้ หญิงแท้ รับงานครับ จันทบุรีเท่านั้นครับ” โดยเมื่อติดต่อต้องคุยผ่านไลน์ โดยมีราคาค่าบริการ คนละประมาณ 1,500 – 2,000 บาท ซึ่งมีค่ามัดจำตัวเด็กคนละ 500 บาท โดยให้โอนเงินผ่านบัญชีธนาคารชื่อบัญชี นายชยดลฯ และต้องแจ้งก่อนที่จะนัดเด็กล่วงหน้าอย่างน้อย 2 วัน ชุดสืบสวนจึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ ขออนุญาตปฏิบัติการอำพรางเพื่อรวบรวมพยานหลักฐาน และเข้าช่วยเหลือเด็กผู้เสียหาย
ต่อมาช่วงต้นเดือน มกราคม 2566 ได้ให้สายลับติดต่อขอซื้อบริการทางเพศเด็ก จำนวน 2 คน และจ่ายเงินค่ามัดจำ จำนวน 1,000 บาท ที่บัญชีของนายชยดลฯ โดยที่ผู้ต้องหาได้นัดหมายจะมาส่งเด็ก ในวันที่ 10 ม.ค.2566 เวลาประมาณ 20.00 น. ที่บริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าในพื้นที่ ต.วัดใหม่ อ.เมือง จ.จันทบุรี พร้อมให้สายลับจ่ายค่าบริการที่เหลืออีกอีก 3,000 บาท รวมค่าบริการและเงินมัดจำ เด็ก 2 คน เป็นเงินจำนวน 4,000 บาท
เมื่อถึงเวลาตามนัดหมาย นายชยดลฯ ได้พาเด็กชายเอ (นามสมมติ) อายุ 13 ปี (ผู้เสียหายในคดีค้ามนุษย์) และนายบี (นามสมมติ) อายุ 19 ปี มาขายบริการทางเพศให้กับสายลับของเจ้าหน้าที่ตำรวจตามที่ได้นัดหมาย จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าทำการช่วยเหลือผู้เสียหาย พร้อมกับจับกุมตัวนายชยดลฯ พร้อมด้วยของกลาง เป็นเงินที่ใช้ในการปฏิบัติการอำพราง และโทรศัพท์มือถือที่ใช้ติดต่อสื่อสารในการซื้อขายบริการทางเพศครั้งนี้ อีกจำนวน 1 เครื่อง จากการสัมภาษณ์คัดแยกผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ พบว่า ด.ช.เอฯ อายุ 13 เป็นผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ แต่นายบีฯ อายุ 19 ปี ไม่เป็นผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ จึงได้แยกดำเนินคดีต่างหากที่ สภ.เมืองจันทบุรี
ต่อมาได้มีการขยายผลการสืบสวน ด.ช.เอ และนายบีฯ ให้การตรงกันว่า มีนายหน้าอีกคนหนึ่งคือ นายสุกรี หรือซ้อเจี๊ยว เป็นผู้ส่งตัว ด.ช.เอ ผู้เสียหาย และนายบีฯ ให้ นายชยดลฯ พาไปขายบริการทางเพศ โดยได้รับประโยชน์เป็นส่วนแบ่งจากการขายบริการทางเพศ ครั้งละ 200 บาทต่อคน รวมเป็นเงิน 400 บาท เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้ติดตามไปจับกุม นายสุกรี หรือซ้อเจี๊ยว ได้ที่บริเวณร้านอาหารในพื้นที่ ต.วัดใหม่ อ.เมืองจันทุบรี จ.จันทบุรี พร้อมด้วยของกลาง โทรศัพท์มือถือที่ใช้ติดต่อสื่อสารในการซื้อขายบริการทางเพศครั้งนี้ จำนวน 1 เครื่อง
สอบถามคำให้การเบื้องต้นผู้ต้องหาทั้งสองราย ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยนายสุกรี หรือซ้อเจี๊ยวฯ ให้การว่า เป็นผู้จัดหาเด็กมาขายบริการ โดยตนจะได้รับส่วนแบ่งจากการขายบริการทางเพศเด็ก คนละ 200 บาท แล้วส่งต่อให้นายชยดล หรือเอสฯ ที่ทำหน้าที่เป็นนายหน้าติดต่อกับผู้ซื้อบริการ ส่งเด็กให้แก่ผู้ที่มาซื้อบริการทางเพศเด็ก
2.ยุทธการ “พิทักษ์กระต่ายป่า” จับกุมนายหน้าค้ากามเด็ก และกลุ่มผู้ซื้อบริการทางเพศเด็ก ในพื้นที่ จ.นครราชสีมา
ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหา จำนวน 2 กลุ่ม คือ
1.ผู้ต้องหาที่เป็นนายหน้าจัดหา
– นางสาวสุพัชรินทร์ (สงวนนามสกุล) อายุ 19 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 45/2566 ลงวันที่ 9 ม.ค. 2566 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ค้ามนุษย์ ด้วยการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากการค้าประเวณี และได้กระทำแก่บุคคลอายุเกินสิบห้าปี แต่ไม่ถึงสิบแปดปี, เป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือชักพาไปซึ่งบุคคลใดเพื่อให้บุคคลนั้นกระทำการค้าประเวณีแม้บุคคลนั้นจะยินยอมก็ตาม และไม่ว่าการกระทำต่างๆ อันประกอบเป็นความผิดนั้นจะได้กระทำภายใน หรือนอกราชอาณาจักร และได้กระทำแก่บุคคลอายุกว่าสิบห้าปี แต่ยังไม่เกินสิบแปดปี, ชักจูง ยุยง ส่งเสริม หรือยินยอมให้เด็กประพฤติตนไม่สมควร หรือน่าจะทำให้เด็กประพฤติตนเสี่ยงต่อการกระทำผิด และกระทำด้วยประการใดอันเป็นการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากเด็ก, เพื่อสนองความใคร่ของผู้อื่น เป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือพาไปเพื่อการอนาจารซึ่งชายหรือหญิงแม้ผู้นั้นจะยินยอมก็ตาม และได้กระทำแก่บุคคลอายุเกินสิบห้าปี แต่ไม่เกินสิบแปดปี, ช่วยเหลือ ให้ความสะดวก หรือคุ้มครองการค้าประเวณีของผู้อื่น, รับผลประโยชน์ไม่ว่ารูปแบบใดจากการค้าประเวณีของผู้อื่น หรือจากผู้ซึ่งค้าประเวณี และจัดให้มีการค้าประเวณีระหว่างผู้ซึ่งค้าประเวณีกับผู้ใช้บริการ, พาบุคคลอายุเกินสิบห้าปี แต่ไม่เกินสิบแปดไปเพื่อการอนาจาร แม้ผู้นั้นจะยินยอมก็ตาม, พรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปี แต่ยังไม่เกินสิบแปดปีไปเสียจากบิดา มารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแลเพื่อหากำไร หรือเพื่อการอนาจาร โดยผู้เยาว์นั้นเต็มใจไปด้วย”
2.กลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นผู้ซื้อบริการทางเพศ ได้แก่
– นายวีระพล (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี ผู้ต้องหา ตามหมายจับศาลอาญาที่ 46/2566 ลงวันที่ 9 ม.ค.2566
– นายกิตตินันท์ (สงวนนามสกุล) อายุ 27 ปี ผู้ต้องหา ตามหมายจับศาลอาญาที่ 47/2566 ลงวันที่ 9 ม.ค.2566
– นายจิติคุณ (สงวนนามสกุล) อายุ 33 ปี ผู้ต้องหา ตามหมายจับศาลอาญาที่ 48/2566 ลงวันที่ 9 ม.ค.2566
ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “พาบุคคลอายุเกินสิบห้าปี แต่ไม่เกินสิบแปดไปเพื่อการอนาจาร แม้ผู้นั้นจะยินยอมก็ตาม, พรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปี แต่ยังไม่เกินสิบแปดปีไปเสียจากบิดา มารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแลเพื่อหากำไร หรือเพื่อการอนาจาร โดยผู้เยาว์นั้นเต็มใจไปด้วย, และชักจูง ยุยง ส่งเสริม หรือยินยอมให้เด็กประพฤติตนไม่สมควร หรือน่าจะทำให้เด็กประพฤติตนเสี่ยงติดต่อการกระทำความผิด และกระทำด้วยประการใดอันเป็นการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากเด็ก”
พฤติการณ์ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 2 ธ.ค.2565 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ปคม. ได้ทำการจับกุม
น.ส.ปภาดาฯ ซึ่งมีพฤติกรรมการโพสต์โฆษณาสาธารณะในลักษณะบุคคลทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ ในลักษณะเป็นธุระจัดหา หรือชักชวนให้มีการซื้อขายบริการทางเพศผ่านทวิตเตอร์ และสามารถเข้าทำการช่วยเหลือผู้เสียหายที่เป็นเด็ก ได้อีก จำนวน 2 ราย ก่อนนำเข้าสู่กระบวนการคุ้มครองเหยื่อจากการค้ามนุษย์
ต่อมาได้ทำการสืบสวนขยายผล จนทราบว่ามี น.ส.สุพัชรินทร์ฯ ทำหน้าที่เป็นนายหน้าจัดหาเด็กมาค้าบริการทางเพศ โดยมีนายวีระพลฯ, นายกิตตินันท์ฯ และนายจิติคุณฯ เป็นผู้ซื้อบริการผู้เสียหายในคดีก่อนหน้านี้ จึงได้ทำการรวบรวมพยานหลักฐาน ขออนุมัติต่อศาลอาญา เพื่อออกหมายจับผู้ต้องหาทั้งหมดในขบวนการ
จากนั้นเมื่อวันที่ 10 ม.ค. 2566 ได้เปิดปฏิบัติการตรวจปิดล้อมตรวจค้นบ้านพักของ น.ส.สุพัชรินทร์ฯ ซึ่งเป็นนายหน้าค้าบริการทางเพศเด็ก ในพื้นที่ อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา สามารถจับกุมตัว น.ส.สุพัชรินทร์ฯ ได้จากการสอบถามเบื้องต้น น.ส.สุพัชรินทร์ฯ รับว่าตนเองเป็น นายหน้าจัดหาเด็กให้แก่ผู้ซื้อบริการ โดยตนเองนั้นเป็นนายหน้า มาเป็นเวลาประมาณ 5-6 เดือนเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในครอบครัว โดยจะได้ค่าตอบแทนจากการติดต่อ 300 ถึง 500 บาท ต่อครั้ง และในวันที่ 11 ม.ค.2566 ต่อเนื่องกัน ได้ทำการเข้าจับกุมผู้ต้องหาอีกจำนวน 3 ราย ที่เป็นกลุ่มผู้ซื้อบริการทางเพศเด็ก ในพื้นที่ 3 จังหวัด ได้แก่ จ.นครราชสีมา, จ.สระแก้ว และ จ.อุดรธานี โดยทั้ง 3 รายรับว่าก่อนหน้านี้เคยใช้บริการทางเพศ ซื้อบริการทางเพศเด็กที่อายุต่ำกว่า 18 ปี จากเหยื่อจริง โดยมีการใช้สถานที่ รีสอร์ท ในพื้นที่ อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา
ซึ่งจากเหตุการณ์ดังกล่าวเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้ดำเนินการเชิงรุก เพื่อป้องกันกลุ่มผู้ต้องหาที่มักใช้โรงแรมและรีสอร์ทเป็นสถานที่ในการก่อเหตุ โดยได้ประสานนายทะเบียน เข้าตรวจสอบสถานที่เสี่ยงต่างๆ อาทิเช่น รีสอร์ท และโรงแรมในพื้นที่ ซึ่งไม่บันทึกรายงานต่างๆ เกี่ยวกับผู้พัก และจำนวนผู้พักลงในบัตรทะเบียนผู้พัก เมื่อมีการเข้าพัก และไม่ส่งสำเนาทะเบียนผู้พักไปให้นายทะเบียน เพื่อดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.โรงแรม พ.ศ.2547 ต่อไป พล.ต.ต.ศารุติ แขวงโสภา ผบก.ปคม. มีความห่วงใยเด็กผู้เสียหายที่ตกเป็นเหยื่อของกระบวนการค้ามนุษย์ เพราะนอกจากความเสียหายทางร่างกายที่เกิดขึ้นกับเด็กเหล่านี้แล้ว ยังมีความเสียหายทางจิตใจที่จะฝังรากลึกและเป็นผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตในอนาคต
นอกจากนี้ยังฝากเตือนภัยพี่น้องประชาชนที่อาจตกเป็นผู้เสียหาย ให้ผู้ปกครองที่มีบุตรหลานเริ่มเข้าสู่วัยรุ่น ให้สังเกตพฤติกรรมของบุตรหลานว่ามีการใช้จ่ายเงินฟุ้งเฟ้อเกินตัว และหมั่นตรวจสอบการใช้สื่อออนไลน์ของเด็กว่ามีความผิดปกติน่าสงสัย