วันนี้ (12 ธ.ค.65) เวลา 15.30 น. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน กรณีความคืบหน้าคดีกลุ่มนายทุนจีนสีเทาและ การดำเนินคดีกับนายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือตู้ห่าว ณ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย รอง ผบ.ตร. ได้ยืนยันว่าขณะนี้คดีมีความคืบหน้าไปมาก และใกล้ที่จะสรุปสำนวนส่งให้พนักงานอัยการได้ในบางคดี ซึ่งในคดีอาญาฐานฟอกเงิน จะต้องรอการสืบข้อเท็จจริงเรื่องเส้นทางการเงินของนายตู้ห่าวและรอทางธนาคารเซ็นอนุมัติเอกสารเพื่อนำมาเป็นหลักฐานประกอบสำนวนคดี แต่ปัจจุบันยังไม่พบการโอนเงินไปให้คนอื่นออกนอกราชอาณาจักร จึงเป็นความผิดภายในราชอาณาจักร หากพบในภายหลังก็จะดำเนินคดีเช่นเดียวกัน
จากการเข้าตรวจค้นผับจินหลิงของ ผบช.น. กรณีที่มีหญิงสาวชาวจีนเสียชีวิตจากการเสพยา “Happy Water” จากหลักฐานที่พบเชื่อว่าเป็นยาที่ผสมกันเองในประเทศไม่พบการนำเข้าแต่อย่างใด เชื่อว่าผู้ตายเสพไปเกินขนาดจึงทำให้เสียชีวิต ส่วนนายตู้ห่าวยังไม่ถูกดำเนินคดีฐานเสพยาเสพติด เนื่องจากว่า ขณะนี้นายตู้ห่าวถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำ การตรวจสอบว่าเสพสารเสพติดหรือไม่ยังไม่สามารถตรวจสอบได้ เนื่องจากเจ้าตัวไม่ยินยอมให้ตรวจ และเหตุผลที่ ผบช.น. ดำเนินคดีกับ รปภ. ที่เป็นผู้ดูแลผับนั้น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ไม่สามารถให้คำตอบได้ เนื่องจากเข้ามารับผิดชอบคดีนี้ในภายหลัง
ในกรณีที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ไม่มั่นใจกับการทำงานของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ตนเองก็ไม่ได้โกรธเคืองแต่อย่างได แต่ยืนยันว่า การดำเนินคดี การส่งฟ้อง ต้องรอหลักฐานที่แน่ชัด ส่วนหลักฐานที่นายชูวิทย์ ออกมาเปิดเผยนั้นล้วนแล้วมีประโยชน์ต่อรูปคดี และการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ เช่น ข้อมูลการจัดตั้งมูลนิธิของกลุ่มคนจีน ในภาคเหนือ โดยประธานเป็นคนไทยและได้เซ็นรับรองคนจีนสองรายเป็นบุตร เพื่อให้ได้สัญชาติไทย และที่ใช้เป็นหลักฐานในการขอต่อวีซ่าอยู่ในไทยได้นานขึ้น
ขณะที่การสอบสวนหัวหน้าสถานีตรวจคนเข้าเมือง 27 แห่ง รวมถึง นายพลที่เป็นเพื่อนร่วมรุ่น ก็ได้เรียกมาสอบสวนไปแล้วกว่า 2 สัปดาห์ และบางนายได้ยอมจำนนต่อหลักฐานที่พบการให้อนุญาตอยู่ในไทย แต่หลังจากนี้เชื่อว่าจะมีตำรวจตรวจคนเข้าเมืองที่เกี่ยวข้องมากกว่า 27 นายนี้ ผู้ที่มีลายเซ็นต์เกี่ยวข้องก็จะถูกดำเนินคดีทั้งหมด รวมไปถึงนายพล ที่เป็นเพื่อนร่วมรุ่น ที่พบข้อมูลก่อนหน้านี้ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องก็จะเรียกมาสอบสวนทั้งหมดไม่มีละเว้น