จากกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการสืบสวนจับกุม กลุ่มทุนจีนสีเทาที่เข้ามาทำธุรกิจสถานบันเทิงในประเทศไทยโดยใช้คนไทยเป็นนอมินี แต่แอบแฝงด้วยธุรกิจสีเทา ไม่ว่าจะเป็นยาเสพติด หรือคอลเซ็นเตอร์ เป็นต้น ซึ่งที่ผ่านมา พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ขยายผลสืบสวนจับกุมกลุ่มทุนจีนสีเทาเหล่านี้ และเข้าตรวจค้นยึดทรัพย์สินได้เป็นจำนวนมาก ตามที่สื่อมวลชนและโซเชียลมีเดียนำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
จากการสืบสวนขยายผลดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งข้อสังเกตว่า การที่กลุ่มทุนจีนเหล่านี้สามารถเข้ามาภายในราชอาณาจักรและขออนุญาตอยู่ต่อได้นั้น ได้ใช้เหตุผลเกี่ยวกับเรื่องการศึกษา หรือเป็นอาสาสมัครมูลนิธิต่างๆ เพื่อขยายเวลาในการอยู่ต่อทุกครั้ง โดยที่ไม่ได้มีการตรวจสอบโดยละเอียดว่ามีการดำเนินการตามที่แจ้งจริงหรือไม่ จากกรณีดังกล่าว พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ จึงได้สั่งการให้ชุดสืบสวนดำเนินการสืบสวนขยายผลเกี่ยวกับกลุ่มเอเจนซี่ที่รับต่อวีซ่าโดยเปิดตัวเป็นมูลนิธิหรือสถานศึกษา เพื่อตรวจสอบข้อมูลว่ามีการดำเนินการจริงหรือไม่
โดยในวันนี้ (9 ธ.ค.65) พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้สั่งการให้ชุดสืบสวนประสานความร่วมมือไปยัง บช.น. ,บช.ภ.1 , บช.ภ.2 ,บช.ภ.3 ,บช.ภ.4 , บช.5 บช.ภ.7 สตม. และ บช.ทท. เปิดปฏิบัติการเข้าค้นเป้าหมายที่เกี่ยวข้องรวมทั้งสิ้น 53 จุด อยู่ใน 18 จังหวัดทั่วประเทศ ได้แก่ กรุงเทพฯ นนทบุรี สมุทรปราการ นครปฐม ชลบุรี เชียงใหม่ เชียงราย แพร่ ลำพูน น่าน หนองบัวลำภู กาฬสินธุ์ ชัยภูมิ นครราชสีมา ยโสธร อำนาจเจริญ ขอนแก่น และอุดรธานี โดยผลการตรวจค้น
กลุ่มที่ 1. มูลนิธิและสถานศึกษา ตรวจยึดเอกสารการสมัครเรียนและเอกสารที่เกี่ยวข้อง ซึ่งพบความผิดปกติจำนวนมาก
กลุ่มที่ 2 ผับเบบี้เฟส ซูเปอร์คลับ เอกมัย ตรวจยึด/อายัดทรัพย์ เพื่อตรวจสอบ ลำโพง ยี่ห้อ aike Audio จำนวน 82 ตัว, ไฟสแกน (ไฟ Beam) จำนวน 176 ตัว , เครื่องทำควัน/ไอน้ำ จำนวน 25 ตัว , ไฟสำหรับทำแสงเลเซอร์ จำนวน 10 ตัว ตรวจยึดทรัพย์ ไฟสแกน (ไฟ Beam) จำนวน 3 ตัว ,กระสุนปืนพลุ จำนวน 261 ชิ้น ,ปืนสำหรับยิงพลุ (กระบอกเล็ก) จำนวน 11 กระบอก ,ปืนสำหรับยิงพลุ (กระบอกใหญ่) จำนวน 2 กระบอก ,น้ำยาสโมค ยี่ห้อ DJ RABBIT จำนวน 10 ลัง (40 แกลลอน) ,น้ำยาสโมค ยี่ห้อ YEROMCA จำนวน 6 ลัง (24 แกลลอน)
ผับ Space Plus และบริษัท สเปซ พลัส คลับ ตรวจยึด/อายัดทรัพย์ เพื่อตรวจสอบ ,ไฟติดตั้งเวที (LED+BEAM) จำนวน 150 ชิ้น , ไฟติดตั้งเวที BEAM XD-LIGHT) จำนวน 35 ชิ้น ,จักรยานออกกำลังกาย (PS300) จำนวน 81 คัน, ไฟสปอร์ตไลท์ ยี่ห้อ ACME จำนวน 4 ชิ้น, ไฟสปอร์ตไลท์ ยี่ห้อ ADJ จำนวน 4 ชิ้น, ลูมอม มีไฟ จำนวน 1000 ชิ้น, พลุ แบบยาว(ใช้ไฟฟ้า) (ลังละ 20 อัน) จำนวน 260 ลัง, รถไฟฟ้าเด็กเล่น จำนวน 3 คัน, กำไลข้อมือเรืองแสง (ลังละ 48 อัน) จำนวน 50 ลัง, แก้วน้ำพลาสติก (ลังละ 100 อัน) จำนวน 93 ลัง, ซองกันน้ำโทรศัพท์ (ลังละ 500 อัน) จำนวน 40 ลัง, ถังขยะ (ลังละ 6 อัน) จำนวน 3 ลัง, แก้วน้ำ จำนวน 60 ชิ้น, แก้วน้ำโปเกม่อน จำนวน 60 ชิ้น, แก้วยาว (ลังละ 72 อัน) จำนวน 40 ลัง, น้ำยาควันเวที DT4 (ลังละ 70 อัน) จำนวน 4 ลัง เพื่อตรวจสอบความผิดตามเกี่ยวกับ พรบ.ศุลกากร
กลุ่มที่ 3 ความผิดเกี่ยวกับนายหลิน หลง ตรวจพบเสื้อคล้ายเครื่องแบบทหารพร้อมเครื่องหมายประดับคล้ายยศพันเอก จำนวน 1 รายการ ,ไวน์และสุราต่างประเทศ โดยตรวจยึดตาม พ.ร.บ.สรรพสามิต และศุลกากร
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า หลังจากช่วงที่ผ่านมา ได้สั่งการให้สืบสวนขยายผลเกี่ยวกับการจับกุมกลุ่มทุนจีนสีเทาที่ใช้คนไทยเป็นนอมินีในการทำธุรกิจในไทย ทำให้พบแผนประทุษกรรมที่เป็นรูปแบบใกล้เคียงกันของกลุ่มดังกล่าว โดยพบว่ากลุ่มดังกล่าวจะใช้เหตุผลในการขออยู่ต่อในราชอาณาจักรไทยโดยอ้างเหตุจากการศึกษา หรือเป็นอาสาสมัครมูลนิธิต่างๆ ทั้งที่ความเป็นจริงไม่ได้มีการดำเนินการตามที่กล่าวอ้าง ดังนั้นจึงต้องมีการตรวจสอบกลุ่มเอเจนซี่เหล่านี้ เพื่อมิให้คนไม่ดีใช้เป็นเครื่องมือหรือเป็นช่องทางในการอยู่อาศัยเพื่อกระทำความผิดในประเทศไทยเราได้ นอกจากนี้จะมีการตรวจสอบถึงเจ้าของหรือผู้เปิดมูลนิธิหรือสถานที่เหล่านี้ รวมทั้งตรวจสอบเส้นทางการเงินด้วยว่า ได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มทุนจีนสีเทาหรือไม่ หากพบการกระทำความผิดจะขยายผลจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
นอกจากนี้จากการเข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 25/48 หมู่ที่ 1 ต.สันกลาง อ.สันป่าตอง จว.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นบ้านพักของนายนี่ ยี่โป (Mr.NI YIBO) เอเย่นต์รับต่อสีวีซ่าให้กลุ่มชาวจีน โดยการขอวีซ่าประเภทมูลนิธิผ่าน มูลนิธิ ครีเอทิ่ง บาลานซ์ ซึ่งมีนายวรกฤต จิตธรรม เป็นประธานมูลนิธิ ได้มีการตรวจพบว่ามีการสวมสิทธิ์ นำชื่อของ นายกรกฤต จิตธรรม แสดงตนเป็นบิดาของ ด.ญ.กรวรรณ จิตธรรม ซี่งแท้จริงแล้วเป็นบุตรของนายนี่ ยี่โป (Mr.NI YIBO) กับนางเกา หยาง (MRS.GAO YANG) เพื่อให้ ด.ญ.กรวรรณ จิตธรรม ได้สัญชาติไทย จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานร้องทุกข์กล่าวโทษดำเนินคดีกับนายนี่ ยี่โป (Mr.NI YIBO ) และนางเกา หยาง (MRS.GAO YANG) ในความผิดฐาน “ร่วมกันทำ ใช้หรือแสดงหลักฐานอันเป็นเท็จ หรือกระทำการเพื่อให้ตนเอง หรือผู้อื่นมีชื่อ หรือมีรายการอย่างหนี่งอย่างใดในทะเบียนบ้านหรือเอกสารการทะเบียนราษฎรอื่นโดยมิชอบ ตาม พรบ. การทะเบียนราษฎร พ.ศ.2534 มาตรา 50 ประกอบ ป.อาญา มาตรา 83, ร่วมกันแจ้งข้อความอันเป็น เท็จแก่เจ้าพนักงาน ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย ตาม ป.อาญามาตรา 137, 83 และ ร่วมกันแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารมหาชนหรือเอกสารราชการ ซึ่งมีวัตถุประสงค์สำหรับใช้เป็นพยานหลักฐาน โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ตาม ป.อาญา มาตรา 267,83 ต่อ พงส. สภ.ช้างเผือก ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป