จากกรณีเมื่อวันที่ 9 ต.ค.65 เวลาประมาณ 05.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านเป็ด ภ.จว.ขอนแก่น ได้รับแจ้งเหตุพบศพผู้เสียชีวิต ทราบชื่อต่อมาคือ นายพนม ทิพย์รัตนมงคล อายุ 40 ปี สภาพศพอยู่ลักษณะนอนหงาย ในมือข้างซ้ายกำสร้อยคอรูปพรรณน้ำหนัก 1 บาท มือขวากำพระเลี่ยมทอง มีบาดแผลถูกยิงที่บริเวณด้านหลังทะลุหน้าอก 1 แผล และพบรอยกระสุนปืนบริเวณโคนอวัยวะเพศ 2 แผล เหตุเกิดที่บริเวณทางเข้าสนามบินขอนแก่น ต.บ้านเป็ด อ.เมือง จ.ขอนแก่น ตามที่สื่อมวลชนและโซเชียลมีเดียได้รายงานไปแล้วนั้น
จากกรณีดังกล่าว พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ดำเนินการควบคุมการสืบสวนติดตามจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุในคดีนี้มาดำเนินคดีโดยเร็ว เนื่องจากเป็นคดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญ คนร้ายมีการใช้อาวุธปืนในการก่อเหตุ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ จึงได้สั่งการให้ พล.ต.ท.ยรรยง เวชโอสถ ผบช.ภ.4 พล.ต.ต.นพเก้า โสมนัส ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น และ พ.ต.อ.สุรศักดิ์ มโนทัย ผกก.สภ.บ้านเป็ด ให้เร่งสืบสวนติดตามจับกุมกลุ่มผู้ต้องหาที่ก่อเหตุในครั้งนี้ให้ได้
จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่า ก่อนเกิดเหตุเมื่อวันที่ 8 ต.ค.65 นายพนมฯ ผู้เสียชีวิต ได้มีการเสนอขายรถกระบะยี่ห้ออีซุซุ ดีแม็ก สีขาว ทะเบียน 1ขบ 2903 กทม. ซึ่งเป็นรถหลุดจำนำ ให้กับนายพันธรัตน์ หรือโก้ หาญสุริย์ โดยได้มีการตกลงกันว่า จะมีการโอนเงินค่ามัดจำก่อน 19,000 บาท แล้วจะมีการจ่ายเงินที่เหลือตอนที่มีการนัดรับรถจริง ต่อมาในวันเดียวกัน ได้มีการนัดส่งมอบรถดังกล่าวที่บริเวณปั๊มน้ำมัน ปตท. อ.หนองพอก จ.ร้อยเอ็ด โดยนายพนมฯ ได้พาเพื่อนไปด้วย 2 คน ส่วนในฝั่งนายพันธรัตน์ฯ ได้ไปกับนายจิราวุฒิ หรือเบนซ์ ทองสืบสาย แต่เมื่อพบกันแล้ว ทางนายพันธรัตน์ฯ อ้างว่า เงินสดที่เตรียมมาไม่พอจ่าย โดยจะมีเงินโอนจากลาวมาในเช้าวันรุ่งขึ้น จึงเลื่อนการนัดรับรถออกไปและแยกย้ายกันกลับ ต่อมาเช้าวันที่ 9 ต.ค.65 เวลาประมาณ 05.00 น. นายพันธรัตน์ฯ ได้นัดให้นายพนมฯ ขับรถคันดังกล่าวมาส่งมอบให้ที่บริเวณทางเข้าสนามบินขอนแก่นที่เกิดเหตุ เมื่อไปถึงพบว่า ทางฝั่งนายพันธรัตน์ฯ มากัน 5 คน โดยขับรถยนต์ฮอนด้า ซีอาร์วี สีขาว มาด้วย ได้มีการลงไปพูดคุยกัน จากนั้นนายพันธรัตน์ฯได้ชักอาวุธปืนออกมา นายพนมฯ พยายามวิ่งหนี แต่ถูกนายพันธรัตน์ฯ ยิง 3 นัด จนล้มลงและเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ จากนั้นได้ขับรถกระบะที่นายพนมฯ นำมา หลบหนีไปทั้งหมด
หลังทราบข้อมูลดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้รวบรวมพยานหลักฐาน และออกหมายจับผู้ต้องหาจำนวน 5 ราย ประกอบด้วย
1. นายพันธรัตน์ หรือโก้ หาญสุริย์ อายุ 18 ปี
2. นายจิราวุฒิหรือเบนซ์ ทองสืบสาย อายุ 26 ปี
3. นายธนพล หรือเอ๊กซ์ วงษ์สมบูรณ์ อายุ 22 ปี
4. นายเกียรติศักดิ์ หรือบาส จรัสกาย อายุ 26 ปี
5. นายอภิชาต หรือฟิว ถะเกิงสุข อายุ 22 ปี
โดยจะดำเนินคดีในความผิดฐาน “ร่วมกันปล้นทรัพย์โดยคนใดคนหนึ่งมีอาวุธ ใช้ปืนยิงเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย, ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา, ร่วมกันพาอาวุธไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยเปิดเผย หรือโดยไม่มีเหตุ สมควร และร่วมกันมีใช้อาวุธปืน หรือเครื่องกระสุนปืนโดยมิได้รับอนุญาต” โดยเบื้องต้นเจ้าหน้าที่สามารถติดตามจับกุม นายธนพลฯ นายเกียรติศักดิ์ฯ และนายอภิชาตฯ ได้เรียบร้อย ในส่วนของนายพันธรัตน์ฯ และนายจิราวุฒิฯ เจ้าหน้าที่
สืบสวนทราบว่า ได้หลบหนีข้ามพรมแดนไปยัง สปป.ลาว จึงได้มีการประสานทางการลาวเพื่อขอความร่วมมือในการติดตามจับกุมผู้ต้องหาทั้งสองราย จนสามารถติดตามจับกุมได้ และนำตัวมาส่งมอบที่ด่าน ตม.จว.หนองคาย เพื่อรับตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า คดีนี้เป็นคดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญที่ประชาชนและสื่อมวลชนให้ความสนใจ เนื่องจากกลุ่มคนร้ายก่อเหตุอย่างอุกอาจโดยใช้อาวุธปืนยิงสังหารผู้ตายอย่างเหี้ยมโหดก่อนจะลักเอารถกระบะไป จากการสืบสวนขยายผลของเจ้าหน้าที่ หลังจากที่จับกุมผู้ก่อเหตุที่หลบหนีในประเทศได้แล้ว ทราบว่ามีผู้ก่อเหตุหลบหนีไปยัง สปป.ลาว จึงได้มีการประสานขอความร่วมมือไปยังเจ้าหน้าที่ทางการ สปป.ลาว เพื่อช่วยในการติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุ และนำกลับมาดำเนินคดีในประเทศไทยจนได้ แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์อันดีระหว่างเจ้าหน้าที่ไทยและลาวที่พร้อมที่จะให้ความร่วมมือกันในการปราบปรามอาชญากรรมที่เกิดขึ้นในทั้งสองประเทศ จึงขอขอบคุณในความร่วมมือดังกล่าวไว้ ณ ทีนี้ นอกจากนี้ยังแสดงให้เห็นถึงความเอาจริงเอาจังของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ให้ความสนใจในการติดตามจับกุมผู้ต้องหาแม้จะหนีไปต่างประเทศก็ตาม ถือเป็นการสร้างความมั่นใจในการทำงานของตำรวจในสายตาของประชาชนในพื้นที่มากยิ่งขึ้น