เมื่อเวลาประมาณ 22.00 น.ของคืนวันที่ 27 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ร.ต.อ.คำนึง ช่วยเพชร รอง สวป.สภ.เมืองพัทลุง นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจประมาณ 10 นาย พร้อมอุปกรณ์เครื่องมือจำพวก ไม่ง่าม และเกราะป้องกัน เข้าช่วยเหลือเหตุเมายาอาละวาด หลังคุณแม่วัย 72 ปี ขอความช่วยเหลือ ที่เกิดเหตุบ้านเลขที่ 48 หมู่ที่ 3 ต.พญาขัน อ.เมือง จ.พัทลุง พบชายวัย 37 ปี ลูกชายเจ้าของบ้านอยู่ในอาการเมายาถือมีดและพร้า เจ้าหน้าที่จึงเข้าจับกุมอย่างทุลักทุเล หลังจากนั้นนำตัวเข้าตรวจสอบภายในห้องนอนเจ้าหน้าที่พบยาบ้าจำนวน 2 เม็ดวางอยู่บนพื้นห้อง พร้อมอุปกรณ์การเสพจำนวนมาก
จากการสอบถามคุณแม่วัย 72 ปี แม่ของชายดังกล่าวเล่าว่า ลูกชายมีอาการแปลกๆมาประมาณ 2-3 วันมาแล้ว โดยไม่หลับไม่นอน เดินวนเวียนทั้งในบ้านและนอกบ้าน บางครั้งก็ฟุบหลับบนเก้าอี้หน้าทีวี บางครั้งไปพูดจาไม่ดีกับคนงานที่มาก่อสร้างบ้านหลังใหม่ จนคนงานไม่กล้าทำงานต้องกลับไป ก่อนเกิดเหตุหลังจากลูกชายเข้าห้องนอนสักครู่ใหญ่ ก็ออกมาเรียกตนขอเข้ามานอนในห้องด้วยเพราะกลัวจระเข้ที่ตามจ้องจะกัด แต่ลูกชายกลับถือมีด พร้า และเลื่อย เข้ามาด้วย ตนจึงบอกให้นำอาวุธดังกล่าวไปเก็บแต่ลูกชายไม่ยอม อ้างจะเก็บไว้ฟันจระเข้ ด้วยความกลัวตนจึงแจ้งขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ
คุณแม่วัย 72 ปี ยังบอกอีกว่า ก่อนหน้านี้หลายปีมาแล้วเคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้กับลูกชาย หลังจากไปบำบัดและกลับมาอยู่บ้านตามปกติ จนกระทั่งเมื่อไม่นานลูกชายเริ่มมีเพื่อนชวนออกไปทำงานรับจ้าง และออกไปบ้านเพื่อนบ่อยขึ้น ตนจึงคิดว่าลูกชายกลับมาเป็นคนปกติ จนกระทั่งตนสังเกตว่าลูกชายมักจะเก็บตัวอยู่ในห้องนานๆ บางครั้งตนก็เห็นมียาเม็ดสีส้มหล่นอยู่ที่พื้นบ้าง แต่ตนไม่รู้จักยาบ้า ประกอบกับเป็นช่วงที่ลูกชายยังรับยาจากโรงพยาบาล จึงคิดว่าเป็นยาที่แพทย์จ่ายมาให้ นอกจากนั้นยังพบว่ายาที่โรงพยาบาลจ่ายมาให้ ถูกลูกชายแกะนำเม็ดยาออกมาใส่ถุงจนหมด และไม่ได้กินยาตามคำแนะนำของแพทย์เลย จนเป็นสาเหตุให้มีอาการหลอนเกิดขึ้นอีกครั้ง ถึงแม้ว่าลูกชายยังไม่ทำร้ายใคร แต่ตนต้องป้องกันไว้ก่อน เรื่องความรักของแม่นั้นยอมรับว่ารักและเป็นห่วงลูกมาก เมื่อถูกจับตนก็เป็นห่วง หลังจากนี้จะหาสถานที่บำบัดเพื่อส่งตัวลูกชายไปบำบัดให้หายตามปกติ เพื่อจะได้กลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง
อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทลุง พร้อมแจ้งขอหามียาเสพติดให้โทษไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและเสพยาเสพติดโดยผิดกฎหมาย ก่อนส่งตัวไปบำบัดรักษาที่โรงพยาบาลพัทลุงต่อไป