รองผบ.ตร. เผย ขอ 3 สัปดาห์ ปิดคดีทุนจีนสีเทา เค้นสอบปากคำ “ตู้ห่าว” ยังปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา แจงไม่ต้องเรียกอดีตรมต.-นักการเมืองที่เกี่ยวข้องมาสอบ ขอรวมหลักฐานหากพบผิดออกหมายจับทันที
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยผลการปากคำ นายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือ นายตู้ห่าว นักธุรกิจชาวจีน เมื่อคืนที่ผ่านมาว่า ผู้ต้องหายังให้การปฏิเสธและขอไปให้การในชั้นศาล ก็ถือว่าเป็นสิทธิ์ของผู้ต้องหา แต่ยืนยันว่าตำรวจก็มีหลักฐานที่ชัดเจน พร้อมคัดค้านประกันตัว ซึ่งในวันนี้ (24 พ.ย.) ทางพนักงานสอบสวนจะนำนายตู้ห่าวไปฝากขังที่ศาลอาญากรุงเทพฯใต้ พร้อมระบุว่า หลังจากนี้จะมีการดำเนินการตรวจสอบเส้นทางการเงินและยึดทรัพย์สิน ของเครือข่ายนายตู้ห่าวทั้งหมด ซึ่งจะเร่งทำคดีดังกล่าวให้จบภายใน 3 สัปดาห์ พร้อมกับชี้แจงรายละเอียดทั้งหมดให้กับสังคมได้รับทราบ รวมถึงจะมีการรวบรวมหลักฐานเพื่อที่จะขยายผลไปถึงกลุ่มทุนจีนสีเทาที่ใหญ่กว่า ส่วนความสัมพันธ์ของนายตู้ห่าว ที่มีความเชื่อมโยงกับอดีตรัฐมนตรี และบุคคลที่เกี่ยวข้องในพรรคการเมือง ก็จะต้องมีการสอบสวนรวบรวมหลักฐาน ให้ได้ข้อเท็จจริงที่ชัดเจนก่อน แต่จะไม่มีการเชิญตัวมาสอบปากคำ ซึ่งการรวบรวมหลักฐานเป็นหน้าที่ของตำรวจต้องให้มีความชัดเจน หากพบผิดจะมีการออกหมายจับทันที
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวถึงกรณีที่มีตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้องกับคดีกลุ่มทุนจีนเป็นจำนวนหลายนายนั้น ที่ผ่านมาได้ดำเนินการกับตำรวจนครบาลยานนาวาไป 2 นาย ตำรวจนครบาลลาดพร้าว 1 นาย ส่วนรองผู้บังคับการนครบาล 6 ก็ได้ทำหนังสือไปยังต้นสังกัด คือผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เพื่อให้มารับทราบข้อกล่าวหา ว่าอาจเข้าข่ายในเรื่องของการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 157 ที่ปล่อยรถยนต์ของกลางผู้ต้องหาไปโดยมิชอบ โดยเรียกรับผลประโยชน์ ซึ่งรถยนต์ดังกล่าวมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดียาเสพติด ส่วนกรณีที่มีบุคคลนำเงินมาแลกกับการปล่อยรถ จะเป็นหลานของนายตู้ห่าวหรือไม่ยังไม่ขอเปิดเผยในรายละเอียด
ส่วนกรณีภรรยาของนายตู้ห่าว ซึ่งมียศเป็น “พ.ต.อ.หญิง” ตำรวจจะเชิญมาให้ปากคำ ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเงินและทรัพย์สินของนายตู้ห่าว หรือไม่ หากพบผิดจะดำเนินคดีโดยไม่ละเว้น แต่ยืนยันจะให้ความเป็นธรรมกับทั้ง 2 ฝ่าย ส่วนกรณี ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองที่ปล่อยให้คนจีนเข้ามา โดยออกวีซ่าเป็นนักศึกษานั้น จะมีการเรียกมาสอบปากคำทั้งหมด ถึงรายละเอียดของวีซ่าดังกล่าว เนื่องจากนักเรียนแต่ละคนมีอายุมากกว่า 50 ปี
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่ากรณี นางพัชรินทร์ ที่นายชูวิทย์ ได้ส่งข้อมูลให้โดยระบุว่า เป็นภรรยาอีก 1 คน ของนายตู้ห่าวนั้น ตนยังไม่ทราบในรายละเอียด ว่าความสัมพันธ์ของทั้ง 2 เป็นเช่นใด แต่ทราบว่า นายตู้ห่าว มี พ.ต.อ.หญิง ที่เป็นภรรยา ได้จดทะเบียนสมรสถูกต้องตามกฎหมาย ขณะเดียวกันก็กำลังสอบสวนกลุ่มคนจีนที่ลักลอบมาทำธุรกิจในไทย หากพบผิดจะมีการส่งตัวกลับไปยังประเทศจีนทั้งหมด เนื่องจากตอนนี้ได้มีการประสานกับทางการจีนแล้ว
ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้กำชับให้ตำรวจได้ทำคดีนี้อย่างตรงไปตรงมา เพราะเกี่ยวข้องกับหลายฝ่าย หากไม่รอบคอบก็จะทำให้องค์กรตำรวจเสื่อมเสีย