ผบ.ตร. เอาจริง สั่งตั้งศูนย์ปราบปรามพนันฟุตบอลโลก เอาผิดทั้ง “ผู้จัด-ผู้เล่น-ผู้ชักชวนโฆษณา”

ผบ.ตร. เอาจริง สั่งตั้งศูนย์ปราบปรามพนันฟุตบอลโลก เอาผิดทั้ง “ผู้จัด-ผู้เล่น-ผู้ชักชวนโฆษณา” ขยายผลฟอกเงินยึดทรัพย์ ฝากผู้ปกครองดูแลบุตรหลานอย่างใกล้ชิด ชวนประชาชนเชียร์กีฬาแบบสร้างสรรค์ พบเบาะแสแจ้ง 191,1599 ,1441

 วันนี้ (20 พ.ย.2565 ) เวลา 10.00 น. พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. กล่าวถึงมาตรการป้องกันปราบปรามการลักลอบเล่นพนันทายผลฟุตบอล ช่วงมหกรรมฟุตบอลโลกที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 20 พ.ย.2565 – 18 ธ.ค.2565 ณ ประเทศกาตาร์ ว่า

“ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ห่วงใยการพนันในช่วงมหกรรมฟุตบอลโลก  ให้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดำเนินการสืบสวนจับกุม ปราบปรามอย่างจริงจังเป็นรูปธรรมทุกมิติ  โดยเฉพาะกลุ่มเด็ก เยาวชน ที่อาจจะถูกมอมเมาได้ง่าย และการพนันยังเป็นสาเหตุหนึ่งในการไปก่ออาชญากรรมประเภทอื่น

ได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร.ที่ดูแลงานป้องกันปราบปราม เป็นผู้รับผิดชอบ พร้อมกับสั่งให้ ทุกหน่วยตั้งศูนย์ป้องกันและปราบปรามการลักลอบเล่นการพนันทายผลฟุตบอล มีระดับ ผบช. หรือ รอง ผบช.เป็น หัวหน้าศูนย์ฯ เพื่อควบคุมสั่งการให้เกิดผลปฏิบัติเป็นรูปธรรม   โดยมีมาตรการสำคัญดังนี้

หน่วยต้องเพิ่มความเข้มการตรวจตราตามสถานบริการ สถานบันเทิง โรงแรม ร้านจำหน่ายอาหาร เครื่องดื่ม สถานประกอบการร้านอินเตอร์เน็ต ร้านเกมส์ หรือสถานอื่นใดที่เปิดให้ชมการแข่งขันฟุตบอลโลก  เพื่อป้องกันและสืบสวนจับกุมการทายผลในช่วงการถ่ายทอดสด รวมทั้งให้บูรณาการกับทุกภาคส่วนในการเปิดช่องทางการรับแจ้งเบาะแสการพนันฟุตบอล เช่น ทางโทรศัพท์สายตรงกับ หน.หน่วย หรือ การติดต่อสื่อสารรูปแบบต่างๆที่เข้าถึงง่าย

ให้ศูนย์ PCT และ บช.สอท. ตรวจสอบและเฝ้าระวังการพนันออนไลน์ รวมถึงการโฆษณาชวนเชื่อชักจูงการเล่นพนัน หากพบให้ดำเนินการสืบสวนจับกุม และหากเข้าข่ายที่สามารถปิดเวปไซด์ได้ ให้ดำเนินการประสานหน่วยงานเกี่ยวข้องดำเนินการโดยเร็วที่สุด

เมื่อมีการจับกุม ให้สืบสวนขยายผลดำเนินคดีกับผู้ร่วมกระทำผิด ผู้สนับสนุน นายทุนที่อยู่เบื้องหลัง เจ้ามือทั้งที่รับทายผลโดยตรงและพนันออนไลน์ หากกรณีผู้จัดให้มีการเล่นการพนันโดยไม่ได้รับอนุญาตโดยมีวงเงินในการกระทำความผิดรวมกันมีมูลค่าตั้งแต่ 5,000,000 บาทขึ้นไป หรือเป็นการจัดให้มีการเล่นการพนันทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ เป็นความผิดมูลฐานตามมาตรา 3 (9) แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 มีโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปี ถึง 10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000 บาท ถึง 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ให้นำมาตรการฟอกเงินมาบังคับใช้ทุกกรณี

ให้ทุกหน่วยประชาสัมพันธ์ทุกช่องทางสื่อสารให้ประชาชนรับทราบถึงโทษของการพนัน โดยเฉพาะการบูรณาการร่วมกับสถานศึกษา โรงเรียน ให้ความรู้ รณรงค์ต่อต้านหามาตรการป้องกันการเล่นพนันทุกรูปแบบ สร้างภูมิคุมกันให้กับกลุ่มเด็ก เยาวชน ที่จะเข้าถึง ถูกมอมเมาง่าย

ผบ.ตร. กล่าวเพิ่มเติมว่า  “ได้สั่งการย้ำไปยังหน่วยปฏิบัติทั่วประเทศให้ดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดกับผู้ที่เล่นการพนันทายผลการแข่งขันฟุตบอล และพนันทายผลกันทางออนไลน์ รวมทั้งผู้จัดให้มีการเล่น ผู้ชักชวน โฆษณา นอกจากนี้ได้กำชับข้าราชการตำรวจทุกนายไม่ให้เข้าไปเกี่ยวข้อง ทั้งการเป็นผู้เล่น มีส่วนได้ ส่วนเสียหรือเรียกรับผลประโยชน์ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม หากพบการฝ่าฝืนจะดำเนินการทั้งทางอาญาและทางวินัย โดยเด็ดขาด และให้ผู้บังคับบัญชาดูแลสอดส่องผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างใกล้ชิด

  ฝากถึงพี่น้องประชาชนว่า “การพนันฟุตบอลเป็นสิ่งผิดกฎหมาย คนทำผิดจะต้องถูกจับกุม ดำเนินคดี เสียทั้งเงิน ทั้งอนาคต ไม่มีใครรวยเพราะการพนัน ผู้ปกครองขอให้ช่วยกันสอดส่องดูแลบุตรหลาน ไม่ให้ตกเป็นเหยื่อ ถูกมอมเมา จากการพนันฟุตบอลทุกรูปแบบ

  ขอเชิญคนไทยหันมาเชียร์กีฬาอย่างสร้างสรรค์ ไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการพนันฟุตบอล เพื่อช่วยกันหยุดวงจรการพนัน  ทั้งนี้หากพบเบาะแส สามารถแจ้งได้ที่ สายด่วน บช.สอท. 1441 หรือ ศูนย์ PCT 081-8663000 หรือ 191,1599 ตลอด 24 ชม. “