กล้องวงจรปิดของ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิศูนย์หันตรา บันทึกภาพได้ขณะที่รถยนต์กระบะ(ตู้ทึบ)ขับหนีรถตำรวจทางหลวงที่ขับไล่ล่า เข้ามาในพื้นที่มหาวิทยาลัยทาง รปภ.จึงได้นำแผงกั้นเอาไว้ไม่ให้ผ่านไปแต่รถกระบะก็พุ่งชนแผงกั้นจนล้มแล้วขับหลบหนีออกไปได้ เจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามไล่ล่าคนร้ายก็พยายามขับไล่ตาม คนร้ายก็ขับรถหนีไม่คิดชีวิตไปตามถนนซอกซอยเล็กเก็บชนรถซาเล็งที่ขับอยู่บนถนน หนีไกลกว่า 20 กิโลเมตร สุดท้ายไปไม่รอดวันที่ 16 พฤศจิกายน 2565
เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงอยุธยา ส.ทล.1 กก.1 บก.ทล.(อยุธยา) ได้สำรวจเส้นทาง บริเวณ ทล.32 อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา โดยพบรถยนต์กระบะ(ตู้ทึบ) ยี่ห้อ TOYOTA REVO สีขาว ติดแผ่นป้ายทะเบียนด้านหลังหมายเลข 3ฒต-5867 กรุงเทพมหานคร คันดังกล่าวขับขี่มา โดยไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนด้านหน้า ขับขี่มาด้วยความเร็ว จากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงส่งสัญญาณไฟกระพริบสีแดงและเรียกรถยนต์คันดังกล่าวให้หยุด แต่รถยนต์ดังกล่าวไม่หยุดและเร่งเครื่องหลบหนี และขับขี่เข้าไปในราชมงคลหันตราได้ขับขี่ชนแผงกันดังกล่าวได้รับความเสียหาย ขับขี่ลักษณะหวาดเสียว และความเร็วสูงในที่ชุมชุน เจ้าหน้าที่จึงขับติดตาม ระยะทางรวมประมาณ 20 กิโลเมตร รถยนต์ และประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อุทัย ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา เพื่อหยุดรถยนต์คันดังกล่าว จนกระทั่งมาถึง บริเวณ ทล.2045 ถนนเส้นหลังนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ(Honda) ต.คานหาม อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา ได้หยุดรถยนต์คันดังกล่าว
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจขอทำการตรวจสอบพร้อมกับได้แสดงความบริสุทธิ์ใจให้ผู้ถูกจับที่ 1 ดูจนเป็นที่พอใจแล้ว จากการตรวจสอบพบผู้ถูกจับที่ นาย ชัยวัฒน์ ภูทอง อายุ 30 ปี คนขับ ที่อยู่ 56 หมู่ที่ 4 ต.ห้วยใหญ่ อ.หนองบัว จ.นครสวรรค์ และยังมี .นางสาว เพรชรีย์ เบญมาต อายุ 26 ปี ที่อยู่ 29 หมู่ที่ 8 ต.หนองแขม อ.หนองแค จ.สระบุรี และ .นายกรกช ภูทอง อายุ 26 ปี ที่อยู่ 56 หมู่ที่ 4 ต.ห้วยใหญ่ อ.หนองบัว จ.นครสวรรค์ (นั่งโดยสารข้างผู้ขับขี่มาทั้งคู่) และพบคนต่างด้าวสัญชาติเมียน ชาย มา ไม่มีหนังสือเดินทางหรือเอกสารแทนหนังสือเดินทางนั่งมาในรถคันของกลาง โดยผู้ถูกจับนั่งโดยสารมาในห้องโดยสารของรถยนต์คันดังกล่าว และพบชาวเมียนมาเพิ่มเติมอีก 2 คนนั่งมาท้ายรถยนต์ เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงและตำรวจตรวจคนเข้าเมือง อยุธยาได้ตรวจสอบเอกสารพบว่ามีเอกสารแสดงถูกต้องตามกฎหมาย จากนั้นผู้ต้องหาที่ 1-3 ได้นำพาตรวจค้นบริเวณภายในรถ พบ วิทยุสื่อสารจำนวน 1 เครื่อง อยู่ในรถ จากการสอบถาม นาย ชัยวัฒน์ ภูทอง ให้การยอมรับว่า วันที่ 16 พฤศจิกายน 2565 เวลาประมาณ 12:00 น. ได้รับการประสานจาก ชายชาวไทย โทรมาให้ไปรับแรงงานต่างด้าว ในพื้นที่ อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา จำนวน 3 คน เพื่อไปส่งในพื้นที่ปลายทาง ในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ โดยได้รับค่าจ้างเหมาเที่ยวละ 12,000 บาท และค่าจ้าง จะแบ่งกัน 3 คน สอบถามต่างด้าว ที่ไม่มีหนังสื่อเดินทาง 1 คน ให้การยอมรับว่า วันนี้ได้เดินทางจาก กรุงเทพมหานคร เพื่อจะไปปลายทาง จ.เชียงใหม่ โดยตนรับว่าไม่มีเอกสารใดๆแสดงขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกตรวจสอบ โดยมีการให้ค่าใช้จ่ายคนขับกับคนที่นั่งมาด้วยทั้ง 2 คน เรียบร้อยแล้ว
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงแจ้งข้อกล่าวหา นาย ชัยวัฒน์ ภูทอง นางสาว เพรชรีย์ เบญมาต และ นายกรกช ภูทอง ฐาน “ร่วมกันรู้ว่าคนต่างด้าวคนใดเข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนกฎหมาย ให้เข้าพักอาศัย ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใด ๆ เพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการจับกุม มีและใช้ซึ่งเครื่องวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานงานผู้ออกใบอนุญาต ต่างด้าวชาย 1 คน ผู้ถูกจับ ฐาน“เป็นคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต” จากนั้นได้ควบคุมตัวพร้อมของกลางมาทำบันทึกการจับที่ หน่วยบริการตำรวจทางหลวงเอเซีย และนำส่งพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรอุทัย ภ.จว.พระนครศรีอยุธยาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ผู้สื่อข่าว เดินทางไปสอบถาม สิบตรีสุขุม ปิ่นเกตุ อายุ 56 ปี เจ้าหน้าที่รักษาความ เล่าว่าช่วงเกิดเหตุตนเองอยู่บริเวณป้อม 1 หน้ามหาวิทยาลัยจากนั้นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่อยู่บริเวณป้อม 4 ด้านหลังของมหาวิทยาลัยได้วิทยุแจ้งเข้ามาว่าให้ปิดประตูมหาวิทยาลัย พื่อช่วยสกัดกั้นจับรถตู้ทึบคนร้ายที่กำลังหลบหนีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาในมหาวิทยาลัย ตนเองจึงได้ปิดประตูรั้วด้านหน้าและนำแผงมาปิดกั้นอีกที จากนั้นไม่ถึง 2 นาทีคนร้ายก็ขับรถมาด้วยความเร็วพุ่งชนแผงกั้นและ ประตูมหาวิทยลัย จากนั้นก็ขับรถหนีไป และโชคดีที่คนร้ายไม่ได้ขับรถพุ่งชนตัวเองและจากการตรวจสอบพบแผงกั้น และประตูรั้วมหาวิทยาลัย ได้รับความเสียหายเล็กน้อยด้านพ.ต.ท.ธนศักดิ์ ปราสาททอง สว.ส.ทล.1 กก.1 บก.ทล. กล่าวว่า ภายในนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และผู้บังคับการ มีการสั่งการให้คุมเข้มตรวจสอบจับกุมต่างด้าว ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย จนกระทั้งวันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง อยุธยา ออกตรวจสอบพบรถยนต์กระบะ ตู้ทึบ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนข้างหน้าต้องสงสัย จึงเรียกตรวจสอบแต่ไม่ยอมให้ตรวจสอบ เจ้าหน้าที่จึงทำการติดตามจับกุม ดังกล่าว