จากกรณีเมื่อวันที่ 13 พ.ย.ที่ผ่านมา เพจเฟสบุ๊ค “อยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทิร์น part 5.2” ได้นำคลิปเหตุการณ์หนุ่ม 2 ราย ไปรับประทานอาหารที่ร้านเนื้อย่างเกาหลีแห่งหนึ่ง ใน อ.เมืองนครราชสีมา แล้วเกิดอาการเมาคลั่ง วิ่งไปทุบรถยนต์ชาวบ้านที่วิ่งผ่านไปมาหน้าร้าน รวมทั้งกระชากเสื้อคนขี่รถจักรยานยนต์รายหนึ่ง มารุมทำร้ายร่างกาย และวิ่งเข้ามาอาละวาดภายในร้าน ท่ามกลางความแตกตื่นของลูกค้าที่นั่งอยู่ในร้าน ต้องวิ่งหนีกันอย่างโกลาหล โดยทางเพจได้ระบุข้อความอธิบายคลิปว่า
“มาววแล้วเรื้อนขยะสังคมจริงๆ กระเช้าขอโทษอย่างเดียวคงไม่พอ ต้องชดใช้ เยียวยาที่เสียหายทางการขายให้กับร้านด้วย #โคราชแล้วใครจะกล้ามานั่งร้านเรา เมื่อเจอแบบนี้ ทางร้านกราบขออภัยที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น #ขอให้สำนึกในการกระทำครั้งนี้ด้วย เมาแล้วบ้าแบบนี้ก็ไม่ไหวนะ ไล่ทุบรถเขาขับผ่านไปผ่านมา แกร๊ปเกือบโดนดีเลี้ยวหนีทัน โชคร้ายมีน้องผู้ชายขี่รถมาไปกระชากเขาจนรถล้ม ไปกระทีบทำร้ายร่างกายเขา เขาผิดอะไรเขาขี่มอไซค์มาของเขาดีๆ ถ้ามีอาวุธในมือเขาไม่ตายเลยหรอ แล้วในร้านเรามีลูกค้านั่งอยู่คุณปาขวดปาแก้วมาถ้ามันกระเด็นโดนลูกค้าในร้านเราคุณจะรับผิดชอบไหวไหม เข้ามาชี้หน้าด่าลูกค้าเราถึงในร้าน #เลิกเถอะเราไม่ไหวกับการกะทำแบบนี่”
ตามที่ตำรวจ สภ.เมืองนครราชสีมา ได้ลงพื้นที่ควบคุมตัวผู้ก่อเหตุได้ 1 ราย หลบหนีไปได้ 1 ราย ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุด วันนี้ (14 พฤศจิกายน 2565) พ.ต.ท.ยุทธพงษ์ โคขุนทด สวป.สภ.เมืองนครราชสีมา เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองนครราชสีมา ได้รับแจ้งเหตุเมื่อเวลา 22.00 น.วันที่ 12 พ.ย.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ลงพื้นที่ระงับเหตุ และสามารถควบคุมตัวผู้ก่อเหตุได้ 1 ราย คือนายแจ๊ค หรือที่รู้จักกันในชื่อ แจ๊ค คอปืน อายุ 29 ปี ซึ่งอยู่ในอาการมึนเมาสุราพูดคุยไม่รู้เรื่อง จึงได้นำตัวมาฝากขังไว้ที่ สภ.เมืองนครราชสีมา เพื่อรอให้สร่างเมาก่อนแล้วค่อยสอบปากคำ ส่วนผู้ก่อเหตุอีกรายคือนายเจ หรือ เจหน้าลาย ซึ่งเป็นคนน้อง ใช้ช่วงชุลมุนหลบหนีไปได้ แต่ช่วงเวลา 17.45 น. วันที่ 13 พ.ย.ที่ผ่านมา ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามจับกุมตัวได้ ขณะหนีไปกบดานอยู่ที่บ้านพักแห่งหนึ่ง ในซอยใกล้กัน ซึ่งตรวจสอบประวัติพบว่า นายเจ หรือเจหน้าลาย เคยถูกจับกุมในคดีทำร้ายร่ายกาย และเพิ่งออกจากคุกมาได้ประมาณ 2 เดือน นอกจากนี้ทั้งคู่เคยถูกจับดำเนินคดีในข้อหาเกี่ยวกับยาเสพติดมาก่อนหน้านั้นด้วย จึงได้ทำการตรวจปัสสาวะหาสารเสพติด แต่ไม่พบสารเสพติดในร่างกาย มีเพียงเมาสุราเท่านั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แจ้งข้อหา เมาสุราประพฤติตนวุ่นวาย และทำร้ายร่างกายผู้อื่น โดยวันนี้ (14 พ.ย.) จะได้นำตัวผู้ก่อเหตุทั้งคู่ ส่งฟ้องศาลจังหวัดนครราชสีมา เพื่อพิจารณาโทษดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป