เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าได้รับแจ้งจากนางสาวจิรภา วิบูลย์กุล แม่ค้าขายขนมจีนอยู่ในตลาดอำเภอศรีบุญเรือง จังหวัดหนองบัวลำภู ได้เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่าสืบเนื่องเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2565 ที่ผ่านมาได้มีโทรศัพท์เป็นเสียงผู้หญิงโทรเข้ามาหาตนเอง และแจ้งว่าโทรมาจากสรรพากร บอกว่าให้ตนเองไปชำระภาษีถุงเงิน ถ้ายังไม่ชำระให้ชำระได้ตามแอพที่เขาบอก จากนั้นตนเองจึงได้กดเข้าไป โดยให้ยืนยันตัวตนชื่อกับเบอร์โทร์ศัพท์ และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้แจ้งกับตนเองว่า ต่อไปไม่ต้องเสียภาษีแล้ว เพราะเขาจัดการให้แล้ว เพราะร้านเป็นร้านค้ารายย่อยไม่ต้องเสียภาษีอีกแล้ว โดยตนเองไม่ได้เอะใจอะไร มารู้ตัวอีกที่ตอน 5 โมงเย็น เข้าไปเช็คยอดเงินที่ขายได้วันนี้ พบว่าเงินได้หายไปหมดเลย เป็นเงิน 66,520 บาท ( หกหมื่นหกพันห้าร้อยยี่สิบบาทถ้วน)
ตนเองจึงได้เดินทางเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนที่ สภ.ศรีบุญเรือง เพื่ออายัดบัญชี พอรุ่งเช้าตัวเองได้เดินทางไปที่ธนาคารกรุงไทย โดยพนักงานธนาคารได้แจ้ง ชื่อและเลขที่บัญชีปลายทางที่โอนไป ชื่อว่า นางสาวญาณิสาฯ ( ขอสงวนนามสกุล) และแจ้งว่าเงินได้ถูกโอนออกไปหมดแล้วคงเหลือ 87 สตางค์ โดยพนักงานธนาคารได้แจ้งว่า ต่อไปเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะติดตามคนร้ายมาดำเนินคดี และในส่วนของอำเภอศรีบุญเรืองตนเองได้ยินว่ามีรายหลาย โดนแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกโอนเงินลักษณะเดียวกัน และตนเองได้เข้าโครงการถุงเงิน และร่วมโครงการคนละครึ่งของรัฐบาล โดยให้ลูกค้าที่มาซื้อขนมจีนได้สแกนจ่ายเงิน ซึ่งขณะเกิดเหตุเป็นเวลาประมาณ 10.30 น. เงินถูกโอนออกเวลา 17.00 น.ซึ่งตนเองก็คาดหวังว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะติดตามคนร้าย และนำเงินกลับมาคืน เพราะมันเป็นเงินที่ตนเองขายของ และเป็นเงินก้อนสุดท้ายในการลงทุน
และอยากฝากแจ้งเตือนไปถึงพี่น้องประชาชนว่าให้รอบคอบในการที่จะกดเงินโอนเงิน เพราะเดี๋ยวนี้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ระบาดหนักมากในจังหวัดหนองบัวลำภู และอยากฝากไปถึงแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ว่าให้เลิกอาชีพแบบนี้ส่ะ เพราะว่ามันเป็นบาป เป็นกรรม อย่าทำนาบนหลังคน เพราะจะทำให้คนอื่นเขาเดือดร้อน ข่าวคืบหน้าผู้สื่อข่าวจะรายงานให้ทราบต่อไป