กองบังคับการตำรวจทางหลวง กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก.,พล.ต.ต.ชัช สุกแก้วณรงค์ รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.เอกราช ลิ้มสังกาศ ผบก.ทล.,พ.ต.อ.สุขสวัสดิ์ คูสิทธิผล รอง ผบก.ทล.,พ.ต.อ.วชิรา ยาวไทยสงค์ รอง ผกก.2 บก.ทล., พ.ต.ท.วิศิษฏ์ มินเสน รอง ผกก.2 , พ.ต.ท.สมพงษ์ เอกวัฒ รอง ผกก.5 บก.ทล., ปฏิบัติราชการ รอง ผกก.2 บก.ทล., พ.ต.ต.พิทยา ธนาวุฒิ สว.ส.ทล.4 กก.2 บก.ทล. ชุดจับกุม นำโดย ร.ต.อ.ชรัณ ปาณะศรี รอง สว.ส.ทล.4 กก.2 บก.ทล., ร.ต.ท.วิมล แก้วชู รอง สว.(ป.) ส.ทล.4 กก.2 บก.ทล., ส.ต.อ.สราวุธ กรรณสุรางค์ ผบ.หมู่ ส.ทล.4 กก.2 บก.ทล. ร่วมกันจับกุม
1.นายบุญธรรม ชลาสินธุ์ อายุ 48 ปี ชาว อ.เมือง จ.เพชรบุรี
2.นายไล พิว ธง อายุ 28 ปี สัญชาติ เมียนมา
3.นายทวย อัน จัว อายุ 35 ปี สัญชาติ เมียนมา
4.นายเตน ไน ทู อายุ 32 ปี สัญชาติ เมียนมา
5.นายทวย สุ อายุ 45 ปี สัญชาติ เมียนมา
6.นายสะ ทะ เอา อายุ 22 ปี สัญชาติ เมียนมา
7.นายเอา มิ ไต๋ อายุ 31 ปี สัญชาติ เมียนมา
8.นายฉิง เมา ก๋วย อายุ 44 ปี สัญชาติ เมียนมา
9.นายเร มิว เละ อายุ 21 ปี สัญชาติ เมียนมา
10.นายใย จอ สุ อายุ 35 ปี สัญชาติ เมียนมา
11.นายเอา ดู อายุ 52 ปี สัญชาติ เมียนมา
12.นายนัย มิ้ว แจะ อายุ 34 ปี สัญชาติ เมียนมา
13.นายซา อุ อายุ 48 ปี สัญชาติ เมียนมา
14.นายจอ อู้ อายุ 35 ปี สัญชาติ เมียนมา
15.นายจี เมย ยา อายุ 19 ปี สัญชาติ เมียนมา
16.นายเย เหมย โด๊ะ อายุ 40 ปี สัญชาติ เมียนมา
17.นายอ่อง เสน โซ อายุ 40 ปี สัญชาติ เมียนมา
18.นายจอ จอ อายุ 35 ปี สัญชาติ เมียนมา
19.นายอู่ ซาน จ่อ อายุ 46 ปี สัญชาติ เมียนมา
20.นายออม ไป่ อายุ 18 ปี สัญชาติ เมียนมา
21.นายตัง เงย อายุ 37 ปี สัญชาติ เมียนมา
22.นายเพียม โพ อายุ 21 ปี สัญชาติ เมียนมา
23.นายเม ทะ อายุ 22 ปี สัญชาติ เมียนมา
24.นายชวน โนะ อายุ 24 ปี สัญชาติ เมียนมา
25.นายซู มีน โจะ อายุ 19 ปี สัญชาติ เมียนมา
26.นายโจ เต๊ะ อายุ 35 ปี สัญชาติ เมียนมา
27.นายท่อน ท่อน อายุ 34 ปี สัญชาติ เมียนมา
28.นายอาว เหลียว เระ อายุ 40 ปี สัญชาติ เมียนมา
29.นายจอ ตู โซะ อายุ 35 ปี สัญชาติ เมียนมา
30.นายทะ กวย จะ อายุ 18 ปี สัญชาติ เมียนมา
พร้อมของกลาง รถยนต์กระบะตู้ทึบ ยี่ห้อ อีซูซุ สีขาว ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนด้านท้าย ส่วนด้านหน้าติดแผ่นป้ายทะเบียนหมายเลข บพ 7776 เพชรบุรี จำนวน 1 คัน ฐานความผิด
1.ผู้ต้องหาที่ 1 ข้อหา “ผู้ใดรู้ว่าคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนพระราชบัญญัติ คนเข้าเมือง ให้ที่พักอาศัย ซ่อนเร้น หรือช่วยเหลือด้วยประการใด ๆ ให้บุคคลต่างด้าว ซึ่งตนรู้ว่าหลบหนีเข้าเมืองพ้นไปจากการจับกุม (ม.64 ตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522)”
2.ผู้ต้องหาที่ 2-30 ข้อหา “เป็นบุคคลต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต”
พฤติการณ์ในการจับกุม เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม ส.ทล.4 กก.2 บก.ทล. ได้รับแจ้งจากสายลับว่า จะมีรถยนต์กระบะตู้ทึบ ยี่ห้อ อีซูซุ สีขาว หมายเลขทะเบียน บพ 7776 เพชรบุรี บรรทุกแรงงานต่างด้าว สัญชาติเมียนมา ลักลอบ เข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย เบื้องต้นทราบว่า ทั้งหมดเดินทางมาจาก จ.ประจวบคีรีขันธ์ มุ่งหน้าไปยัง จ.ชุมพร หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง ส.ทล.4 กก.2 บก.ทล. ได้รับทราบ จึงได้นำกำลังออกตรวจสอบ ในพื้นที่ตามเส้นทาง กระทั่งพบรถยนต์กระบะตู้ทึบ ยี่ห้อ อีซูซุ สีขาว ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนด้านท้าย แต่ติดแผ่นป้ายทะเบียนด้านหน้า ทะเบียนหมายเลข บพ 7776 เพชรบุรี ขับผ่านมาบริเวณถนนสายเอเชีย 41 (ฝั่งขาล่องใต้) ระหว่าง กม.22-23 ต.วิสัยใต้ อ.สวี จ.ชุมพร ตามที่สายลับได้แจ้งไว้ ชุดจับกุมจึงได้ส่งสัญญาณ ให้หยุดเพื่อทำการตรวจสอบ แต่รถคันดังกล่าวกลับเร่งเครื่องพยายามหลบหนี โดยเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ได้ขับไล่ติดตามไปจนถึงทางแยกสวี รถยนต์กระบะตู้ทึกคันดังกล่าวจึงหยุดให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม เข้าตรวจสอบพบ นายบุญธรรม ชลาสินธุ์ (ทราบชื่อภายหลัง) เป็นผู้ขับขี่ โดยให้การรับสารภาพว่า ได้บรรทุกแรงงานต่างด้าว สัญชาติเมียนมา และตนทราบว่าแรงงานต่างด้าวทั้งหมดไม่มีหนังสืออนุญาตให้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรจากหน่วยงานใด ๆ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้นำรถยนต์กระบะตู้ทึบ คันดังกล่าว พร้อมผู้ถูกจับกุมมาที่ หน่วยบริการประชาชนตำรวจทางหลวงท่าแซะ เพื่อทำการตรวจสอบและสอบปากคำ
เบื้องต้นภายในรถ พบแรงงานต่างด้าวสัญชาติเมียนมา จำนวน 29 คน พร้อมตรวจสอบเพิ่มเติม ไม่พบหนังสือเดินทางหรือเอกสารที่ออกโดยเจ้าหน้าที่รัฐที่ยินยอมให้เข้ามาในราชอาณาจักรแต่อย่างใด ทั้งนี้ บุคคลต่างด้าวทั้งหมดได้ว่าจ้างให้ไปส่งยังจุดหมายโดยผ่านนายหน้า ซึ่งมี นายบุญธรรมฯ เป็นผู้ขับขี่ เมื่อถึง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา บุคคลต่างด้าวทั้งหมดจะจ่ายเงินค่าจ้างให้กับนายหน้า เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม จึงแจ้งข้อหา “เป็นบุคคลต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต” จากนั้น ได้นำตัวบุคคลต่างด้าวทั้งหมด ส่งพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรสวี จ.ชุมพร ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้ ตำรวจทางหลวง จะดำเนินการอย่างเข้มงวดเพื่อกวดขันผู้กระทำความผิดบนเส้นทางหลวง อย่างเคร่งครัด หากประชาชนพบเห็นการกระทำความผิด สามารถแจ้งได้ที่สายด่วน 1193 ตำรวจทางหลวง
“ผู้ต้องหาหรือจำเลยยังเป็นผู้บริสุทธิ์ตราบใดที่ศาลยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุด”