“รองต่อศักดิ์” ร่วม ตำรวจไซเบอร์ แถลงเปิดปฏิบัติการหักซิมม้า พร้อมคดีสำคัญอีก 3 คดี

พลตำรวจเอก ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง.ผบ.ตร. ร่วม ตำรวจไซเบอร์แถลงเปิดปฏิบัติการหักซิมม้า พร้อมคดีสำคัญอีก 3 คดี

1. คดี ปลอมเว็บไซต์เเจ้งความออนไลน์

2. คดี ปฏิบัติการหักขาซิมม้า

3. คดีครูประถม ขายคลิปเด็ก โพสประจานเรียกเงิน ฯ

4. คดีหลอกขายมือถือออนไลน์

เมื่อวันที่ 10 พ.ย.65 ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง.ผบ.ตร.ปป. แถลงการเปิดปฏิบัติการ “หักซิมม้า” กวาดล้างอาชญากรรมออนไลน์ ตามนโยบายของรัฐบาลโดย ฯพณฯ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ที่ให้ความสำคัญในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีในทุกรูปแบบ ให้ถือเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาล โดยได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมมือกันปราบปรามมิจฉาชีพ และอาชญากรรมออนไลน์อย่างจริงจัง และเด็ดขาด สืบสวนให้ถึงต้นตอของขบวนการ แก้ปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนจากการสูญเสียทรัพย์สินเป็นจำนวนมาก

ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. สั่งการให้ กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) นำโดย พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท., พล.ต.ต.ฐายุฏฐ์ จันทร์ถาวร รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.นิเวศน์ อาภาวศิน รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ไพโรจน์ สุขรวยธนโชติ รอง ผบช.ฯ ปฏิบัติราชการ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.สุรพล เปรมบุตร รอง ผบช.ฯปฏิบัติราชการ รอง ผบช.สอท. ร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้แก่ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม โดยนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์รมว.การกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และ พ.ต.ท. อนุรักษ์ จิรจิตร ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่ประจำกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม , สำนักงาน กสทช. โดยนายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รักษาการแทน เลขาธิการกสทช.และนายสุทธิศักดิ์ ตันตะโยธิน รองเลขาธิการ กสทช.สายงานกิจการโทรคมนาคม,ผู้แทนบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) (AIS),ผู้แทน บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) (DTAC) ,ผู้แทน บริษัท ทรู มูฟ เอช ยูนิเวอร์แซล คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (TRUE),ร่วมกันเปิดปฏิบัติการ “หักซิมม้า” กวาดล้างจับกุมอาชญากรรมออนไลน์ ดังต่อไปนี้

1. วันนี้ (10พ.ย.65) เวลา 08.00 น. ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์คล้ายคลึง ผบก.สอท.1 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจบก.สอท.1 ได้ปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นสถานที่ต้องสงสัยว่าเป็นที่ สถานที่ตั้งและใช้ในการกระทำความผิด “ปลอมเว็บไซต์รับแจ้งความออนไลน์ http:// thaionline.xyz”เพื่อหลอกลวงเอาข้อมูลบัตรประจำตัวประชาชนและข้อมูลส่วนบุคคลอื่นๆ จำนวน 4 จุด ประกอบด้วย

จุดที่ 1 นำหมายค้นของศาลจังหวัดมีนบุรีที่ ค.751/2565 ลง 9 พ.ย.2565 เข้าตรวจค้นบ้านหลังหนึ่งภายในหมู่บ้านเดอะคอนเนค43 ถ.กาญจนาภิเษก แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กทม. เพื่อเข้าจับกุม น.ส.ธรรศนนรรญ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 31 ปี ตามหมายจับของศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ จ.719/2565 ลงวันที่ 8 พ.ย.65 ในความผิดฐาน “นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน” และได้การสนับสนุนจากองค์กรโอเปอร์เรชั่น อันเดอร์กราวด์ เรลโรด ไทยแลนด์ (O.U.R.) นำสุนัขอัจฉริยะ ( ESD K9 Hidu) ชื่อ“ฮิดู”สายพันธุ์ลาบราดอร์ สามารถดมกลิ่นหาหลักฐานอิเล็กทรอนิกส์ ทำให้สามารถตรวจยึดซิมการ์ดจำนวน 1,700 ซิม,โทรศัพท์มือถือ 12 เครื่อง

จุดที่ 2 นำหมายค้นของศาลจังหวัดมีนบุรีที่ ค.749/2565 ลง 9 พ.ย.2565 เข้าตรวจค้น บ้านหลังหนึ่งภายในหมู่บ้านเศรษฐสิริ วงแหวน-รามอินทรา ถ.กาญจนาภิเษก แขวงคันนายาว เขตคันนายาว กรุงเทพมหานคร ตรวจยึดซิมการ์ดจำนวน 5,186 ซิม,คอมพิวเตอร์ ,โทรศัพท์มือถือ 3 เครื่องและสมุดบัญชีธนาคารต่างๆ

จุดที่ 3 นำหมายค้นของศาลจังหวัดมีนบุรีที่ ค.750/2565 ลง 9 พ.ย.2565 เข้าตรวจค้นบ้านหลังหนึ่งภายใน หมู่บ้านเพอร์เฟคเพลสรามอินทรา-วงแหวนถนนกาญจนาภิเษก5 แยก1 แขวงสามวาตะวันตก เขตคลองสามวา กรุงเทพมหานคร

จุดที่ 4 นำหมายค้นของศาลจังหวัดมีนบุรีที่ ค.752/2565 ลง 9 พ.ย.2565 ร้านขายซิมฯ ปั๊มน้ำมัน ปตท.พีโอออยล์ สาขา23 ถ.พระยาสุเรนทร์ แขวงสามวาตะวันตก เขตคลองสามวา กรุงเทพมหานคร ตรวจยึดซิมการ์ด จำนวน 541 ซิม,โทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง

ผลการตรวจค้นในครั้งนี้ สามารถตรวจยึดซิมการ์ดไว้เพื่อตรวจสอบหาความเชื่อมโยงกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์รวม จำนวน 7,427 ซิม

2. เมื่อวันที่ 9 พ.ย.2565 สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 14 ก.ย.65 บช.สอท.ร่วมกับผู้บริหารเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ AIS เข้าตรวจค้น GSM Gateways (SimBox) แก๊งคอลเซ็นเตอร์ในพื้นที่ อ.เมือง จ.ชุมพร จับกุมผู้ต้องหาพร้อมของกลาง GSM Gateways (Simbox) 38 เครื่อง และ router wifi ชนิดใส่ซิมการ์ด 19 เครื่องได้ มีความสามารถโทรหลอกลวง หรือข่มขู่ ผู้เสียหายได้มากถึงวันละ 608,000 ครั้ง หรือกว่า 18.2 ล้านครั้งต่อเดือน บก.สอท. 1 จึงได้ทำการสืบสวนขยายผลหาผู้ร่วมกระทำความผิด โดยได้รับความร่วมมือจากผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ dtac จนกระทั่งสืบทราบว่าซิมโทรศัพท์ที่ใช้ ถูกซื้อมาจากร้านจำหน่ายซิมโทรศัพท์แห่งหนึ่งในจังหวัดภูเก็ต และยังพบพฤติการณ์รับลงทะเบียนมือถือแทนผู้ซื้อคาดว่าอาจเกี่ยวข้องกับการจัดจำหน่ายซิมให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้ในการกระทำความผิด และเมื่อตรวจสอบผู้ลงทะเบียนกับผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือกลับพบว่า บุคคลดังกล่าวนอกจากลงทะเบียนซิมที่ตรวจยึดได้ยังลงทะเบียนซิมโทรศัพท์มือถือมากกว่า 280,000 เลขหมาย จึงได้ปิดล้อมตรวจค้น จำนวน 3 จุด

จุดที่ 1 ได้นำหมายค้นของศาลจังหวัดภูเก็ตที่ ค.220/2565 ลง 2 พ.ย.2565 เข้าตรวจค้นร้าน K.bank mobile ถ.ศรีทัศน์ ต.รัษฎา อ.เมืองภูเก็ต จว.ภูเก็ต สามารถตรวจยึดซิมที่ลงทะเบียนแล้วและที่ยังไม่ได้ลงทะเบียนรวมกัน 20,673 ซิม

จุดที่ 2 ได้นำหมายค้นของศาลจังหวัดภูเก็ตที่ ค.221/2565 ลง 2 พ.ย.2565 เข้าตรวจค้นร้าน รวมพล สาขาตำบลวิชิต ถ.เมืองทอง-เขาขาด ต.วิชิต อ.เมือง ภูเก็ต จว.ภูเก็ต สามารถตรวจยึดซิมที่ลงทะเบียนแล้วและที่ยังไม่ได้ลงทะเบียนรวมกัน 1,190 ซิม

จุดที่ 3 ได้นำหมายค้นของศาลจังหวัดภูเก็ตที่ ค.219/2565 ลง 2 พ.ย.2565 เข้าตรวจค้นร้าน รวมพล สาขาตำบลตลาดเหนือ ภายในตลาดดาวน์ทาวน์ ซ.พิไสยสรรพกิจ ถ.ระนอง ต.ตลาดเหนือ อ.เมืองภูเก็ต จว.ภูเก็ต สามารถตรวจยึดพบซิมที่ลงทะเบียนแล้วและที่ยังไม่ได้ลงทะเบียนรวมกัน 89 ซิม

ผลการตรวจค้นในครั้งนี้ ซิมการ์ดที่ลงทะเบียนไว้พร้อมใช้งานจำนวนถึง 700 ซิม ตรวจยึดซิมการ์ดไว้เพื่อตรวจสอบ รวมจำนวน 21,952 ซิม และข้อมูลการซื้อขายซิมการ์ดเป็นจำนวนมาก การตรวจค้นครั้งนี้ถือเป็นกุญแจสำคัญที่จะขยายผลในการตรวจสอบหมายเลขโทรศัพท์ที่ได้ลงทะเบียนและจำหน่ายไปแล้วว่ามีหมายเลขใดบ้างที่ใช้ในการกระทำความผิดที่เกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ อาจถูกดำเนินคดีในความผิดฐาน “เป็นตัวการหรือให้การสนับสนุนในการกระทำความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนและโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน”

3. เมื่อวันที่ 9 พ.ย.2565 สืบเนื่องจากกลุ่มงานต่อต้านการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กทางอินเตอร์เน็ต รับการประสานจากโครงการฮักประเทศไทย (Hug Project Thailand) พบผู้เสียหายหญิง อายุ 17 ปีเศษ ถูกคนร้ายใช้โปรแกรม vk ชื่อ WAKANDA และ T’Challa เผยแพร่คลิปและภาพลามกอนาจารผู้เสียหายและหญิงสาวสู่สาธารณะ ครั้นเมื่อติดต่อขอลบคลิปและภาพลามกอนาจาร กลับถูกบังคับให้โอนเงินหรือบังคับให้ video call ในทางลามกอนาจาร พร้อมให้ถ่ายภาพยืนยัน ตัวตนคู่กับบัตรประชาชน จากนั้นนำภาพดังกล่าวมาโพสต์ประจานผู้เสียหายตามสื่อโซเชียลต่างๆเป็นเหตุให้ได้รับความเสียหาย อับอาย จึงได้ทำการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน ต่อมา พล.ต.ต.กานตพงศ์ ชัยรุ่งเรือง ผบก.ตอท. สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจกลุ่มงานต่อต้านการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กทางอินเทอร์เน็ต นำหมายค้นของศาลอาญาพระโขนงที่ ค.223/2565 ลง7 พ.ย.65 เข้าตรวจค้นห้องพักภายในคอนโด THE ORIGIN ถนนสุขุมวิท105 แขวงบางนาใต้ เขตบางนากรุงเทพมหานคร ผลการตรวจค้นพบ ภาพสื่อลามกอนาจารเด็ก ทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวจำนวนมากรวมทั้งภาพลามกอนาจารของผู้เสียหาย ในคอมพิวเตอร์ จึงได้จับกุมนายณัฐดนัย (สงวนนามสกุล) อายุ 28 ปีในข้อหา “นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ และเผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่มีลักษณะอันลามกครอบครองสื่อลามกอนาจารเด็กเพื่อแสวงหาประโยชน์ในทางเพศสำหรับตนเองหรือผู้อื่น และเพื่อความประสงค์แห่งการค้า หรือโดยการค้า เพื่อการแจกจ่ายหรือเพื่อการแสดงอวดแก่ประชาชน ทำ ผลิต มีไว้ นำเข้าหรือยังให้นำเข้าในราชอาณาจักร ส่งออกหรือยังให้ส่งออกไปนอกราชอาณาจักร พาไปหรือยังให้พาไปหรือทำให้แพร่หลายโดยประการใด ๆ ซึ่งสื่อลามกอนาจารเด็ก” พร้อมยึดของกลางโทรศัพท์มือถือ ,คอมพิวเตอร์ , ซิมโทรศัพท์ และบัญชีธนาคาร รวม 10 รายการ ภายหลังจับกุมนายณัฐดนัยรับว่า เปิดเพจในโปรแกรม VK รวม 7 เพจ มียอดผู้ติดตามกว่า 200,000 คน ได้โพสต์ภาพและคลิปลามกอนาจารทั้งเด็กและผู้ใหญ่ มากกว่า 1,823 โพสต์เพื่อชักชวนให้สมัครสมาชิกกลุ่มลับ โดยคิดค่าสมาชิกกลุ่มลับรายละ 1,500 บาท รับชำระเงินค่าสมาชิกผ่านบัญชีม้า และ cryptocurrency จากนั้นจะดึงเข้ากลุ่มลับที่มีภาพและคลิปลามกอนาจารจำนวนมากรวมทั้งภาพของผู้เสียหาย ทำมาได้ 1 ปี มีรายประมาณ 1 ล้านบาท นอกจากนี้ยังพบกล้องแอบถ่ายถูกติดตั้งซุกซ่อนอยู่ที่บริเวณเตียงนอนของผู้ต้องหา และยังพบคลิปที่ผู้ต้องหามีเพศสัมพันธ์กับเด็กนักเรียนในชุดเนตรนารีด้วย ขณะนี้อยู่ระหว่างติดตามผู้เสียหายเข้าแจ้งความเพิ่มเติม

4. เมื่อวันที่ 9 พ.ย.2565 สืบเนื่องจาก บก.ตอท. ได้ดำเนินการตรวจสอบข้อมูลคนร้ายในระบบรับแจ้งความออนไลน์ พบว่ามีผู้เสียหายแจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับคนร้ายที่สร้างเพจเฟสบุ๊กชื่อ “Tubtim mobile มือถือหลุดจำนำ” หรือ“Tubtim mobilee” และอีกหลายชื่อ โพสหลอกขายสินค้าประเภทโทรศัพท์มือถือและแทปเลต เมื่อผู้เสียหายโอนเงินให้ คนร้ายจะบล็อคช่องทางการติดต่อ และไม่ส่งสินค้าให้แต่อย่างใด บัญชีรับโอนเงินชื่อ น.ส.สาวิตรี (สงวนนามสกุล) และ น.ส.ปรียา (สงวนนามสกุล) จึงได้ทำการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน ต่อมา พล.ต.ต.กานตพงศ์ ชัยรุ่งเรือง ผบก.ตอท. สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจกลุ่มงานสนับสนุนทางไซเบอร์ ได้นำหมายค้นศาลจังหวัดนนทบุรีที่ 959/2565 ลง 8 พ.ย.65 เข้าตรวจค้นบ้านหลังหนึ่งหมู่บ้านพฤกษา 14 เอ ต.บางแม่นาง อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี และจับกุมตัว น.ส.สาวิตรีหรือ ปิ่น (สงวนนามสกุล) ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญาธนบุรีที่ จ.785/2559 ลงวันที่ 9 ธ.ค. 2559 ในข้อหา “ฉ้อโกงประชาชน และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน” และเมื่อตรวจสอบกับฐานข้อมูลหมายจับ ยังพบว่ามีหมายจับในความผิดฉ้อโกง อีกจำนวน 2 หมายจับ คือ

1. หมายจับศาลจังหวัดอุบลราชธานีที่ จ.451/2564ลงวันที่21 ธันวาคม 2564ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน“โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือ ข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน และฉ้อโกงประชาชน”

2. หมายจับศาลแขวงดอนเมืองที่ จ.214/2564 ลงวันที่ 22 ธันวาคม 2564 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ฉ้อโกง”