บช.ก. เปิดปฏิบัติการ “ตัดลิ้นจิ้งจอก” จับกุมขบวนการจ้างพยานให้กลับคำให้การในคดีค้ามนุษย์และจับกุมเครือข่าย

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ร่วมกับ สำนักงานคดีค้ามนุษย์ สำนักงานอัยการสูงสุด เปิดปฏิบัติการ “ตัดลิ้นจิ้งจอก” จับกุมขบวนการจ้างพยานให้กลับคำให้การในคดีค้ามนุษย์และจับกุมเครือข่าย นำเด็กอายุต่ำกว่า อายุ 18 ปี ค้าบริการทางเพศออนไลน์

กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ภายใต้การอำนวยการ ของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.ศารติ แขวงโสภา ผบก.ปคม, พ.ต.อ.สุรพงษ์ ชาติสุทธิ์, พ.ต.อ.กฤตัสญ์ บำรุงรัตนยศ, พ.ต.อ.มารุต กาญจนขันธกุล, พ.ต.อ.ณรงค์ เทศวิบูลย์, พ.ต.อ.ณัฎฐ์ สุวรรณวัฒนะ รอง ผบก.ปคม.,พ.ต.อ.กึกก้อง ดิศวัฒน์ ผกก.5 บก.ปคม ร่วมกับพนักงานอัยการ สำนักงานคดีค้ามนุษย์ สำนักงานอัยการสูงสุด เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ท.ปรัชญา บุญยืน, พ.ต.ท.ภคพล สุชล รอง ผกก.5 บก.ปคม.พ.ต.ท.อภิชา เทพจันทร์, พ.ต.ท.เกริก เสนาะสำเนียง สว.กก.5 บก.ปคม. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม ตามนโนบายของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดข ผบช.ก. ที่เน้นย้ำให้กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์เร่ง สืบสวนปราบปรามคดีความผิดในกลุ่มขบวนการที่เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ปคม. ได้ปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นจับกุม (Operation) ผู้ต้องหาขบวนการจ้างวานกลับคำให้การฯ, ขบวนการค้ามนุษย์เครือข่ายนายหน้าฯและผู้ใช้บริการในลักษณะทารุณทางเพศ ทั้งสิ้น 3 กลุ่มหลัก ดังนี้

1.จับกุมขบวนการจ้างพยานให้กลับคำให้การในคดีค้ามนุษย์ สืบเนื่องจากการที่เจ้าหน้าที่อัยการ ได้เข้ามาแจ้งความร้องทุกข์ที่ กก.5 บก.ปคม. ว่าเมื่อวันที่ 11 พ.ย.2565 น.ส.ปี นามสมมติ (พยาน) ได้ขึ้นเบิกความในชั้นศาล และได้กลับคำให้การในสาระสำคัญ ซึ่งมีผลต่อการพิจารณาคดี และพบพยานหลักฐานบางอย่างที่สื่อให้เห็นว่า น.ส.มฯ จำเลยในคดีค้ามนุษย์ คดีอาญาที่ 14/2563 ของ กก.5 บก.ปคม. และ น.ส.แป้งฯ มีส่วนเกี่ยวข้องเป็นผู้ร่วมขบวนการจ้างล้มคดีค้ามนุษย์ ดังนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ปคม. จึงรับคำร้องทุกข์ และดำเนินการสืบสวนสอบสวนเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน กก.5 บก.ปคม. ได้ลงพื้นที่ไปชักถาม น.ส.ปี (พยาน) จนรับว่าได้รับเงินค่าจ้างเป็นเงิน 100,000 บาท จาก น.ส.มฯ เป็นค่ากลับคำให้การในชั้นศาล เพื่อที่ น.ส.มฯ จะได้พ้นจากความผิดในฐานความผิดค้ามนุษย์ฯ โดย น.ส.บี (พยาน) ได้รับการว่าจ้างผ่าน น.ส.แป้งฯ ซึ่งเป็นคนกลางที่เข้ามาติดต่อึุเสนอเงิน เมื่อรับข้อเสนอแล้ว น.ส.บี (พยาน) ได้รับเงินจำนวน 2 งวด งวดแรก น.ส.บี (พยาน) ได้ก่อนไป เบิกความต่อศาล 1 สัปดาห์ จำนวน 30,000 บาท และงวดที่สอง จำนวน 70,000 บาท น.ส.บี (พยาน) ได้รับหลังจากที่ไปกลับคำให้การต่อศาลแล้ว ส่วนน.ส.แป้งๆ ได้รับส่วนแบ่ง จำนวน 20,000 บาท ในการเป็นคนกลาง ติดต่อประสานงาน ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐาน ซึ่งสอดคล้องกับคำให้การของ น.ส.บี (พยาน) จึงเชื่อได้ว่า ผู้ต้องหาได้มีการจ้างวานพยานให้กลับคำให้การในชั้นพิจารณาคดีของศาล เพื่อให้ผู้ต้องหาหลุดพ้นจากความผิดในชั้นพิจารณาคดี โดยเมื่อวันที่ 22 ก.ย.2565 พนักงานอัยการได้ยื่นรายงานสืบสวน และคำให้การของพยานต่อศาล ส่งผลให้ศาลมีคำสั่งให้ถอนประกัน น.ส..มฯ พนักงานสอบสวน จึงได้ร้องขอต่อศาลออกหมายจับขบนการดังกล่าว เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย ต่อมาในวันที่ 7 พ.ย.2565 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสืบสวนทราบว่า น.ส.มณีรัตน์ หรือแป้ง ฯ อายุ 28 ปี ทำหน้าที่เป็นคนกลางติดต่อประสานงาน ได้หลบหนีมาอยู่ที่ ต.แม่อยเงิน อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ จึงได้ติดตามตัวมา เพื่อดำเนินคดีในข้อหา “ร่วมกันขัดขวางการสืบสวน การสวบสวน การฟ้องร้อง หรือการดำเนินคดีความผิดฐานค้ามนุษย์ เพื่อมิให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยการให้ ขอให้ หรือรับว่าจะให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่ผู้เสียหายหรือพยาน เพื่อให้ข้อเท็จจริงหรือเบิกความอันเป็นเท็จ หรือไม่ให้ข้อเท็จจริงหรือเบิกความในการดำเนินคดีแก่ผู้กระทำความผิด” นำส่ง พงส.กก.5 บก.ปคม. ดำเนินคดีตามกฎหมายจากการสอบถามคำให้การผู้ต้องหา ให้การภาคเสธ โดยจะขอให้การเกี่ยวกับรายละเอียดในชั้นศาล

2.จับกุมขบวนการค้ามนุษย์ เจ้าของโรงแรม ผันตัวเป็นนายหน้า นำเด็กอายุต่ำกว่า อายุ 18 ปี ค้าบริการทางเพศออนไลน์ สืบเนื่องจากจากการที่ กก.5 บก.ปคม. ได้เร่งรัด กวดขัน กวาดล้าง จับกุม การกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ ในพื้นที่รับผิดชอบ และได้ทำการช่วยเหลือเหยื่อ อายุ 14-17 ปี จากการขายบริการทางเพศได้หลายราย ในหลายพื้นที่ ได้แก่ จ.สุพรรณบุรี, จ.ชัยนาท, จ.ประจวบคีรีขันธ์ และ จ.นครศรีธรรมราช นอกจากนี้ยังได้มีการขยายผลเพื่อดำเนินคดีกับเครือข่ายผู้กระทำผิดทั้งระบบ จนสามารถดำเนินคดีค้ามนุษย์กับกลุ่มผู้ต้องหาได้จำนวน 6 คดี ผู้ต้องหา 10 คน และยังพบว่ามีกลุ่มผู้อาจถูกแสวงประโยชน์โดยมิชอบกว่า 10 ราย จากการสืบสวนพบว่ามีกลุ่มผู้ต้องหาซึ่งเป็นเจ้าของโรงแรมแห่งหนึ่ง ใน จ.สุพรรณบุรี เปิดบริการโรงแรมบังหน้าแต่เบื้องหลังใช้โรงแรมดังกล่าว นำเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี มาขายบริการทางเพศ เก็บเงินค่าห้องและค่าหัวคิวจากเด็ก เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ปคม. จึงลงพื้นที่ตรวจสอบ พบว่ามี นายนเรศ หรือเทิงฯ ซึ่งเป็นเจ้าของโรงแรมฯดังกล่าว มีพฤติกรรมขายบริการทางเพศเด็กมาเป็นเวลานานตามที่ได้รับข้อมูลมาจริง ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นภัยต่อ เด็ก เยาวชน ผู้ด้อยโอกาส เข้าข่ายเป็นผู้ชักนำ ยุยง ส่งเสริม ให้เด็กกระทำสิ่งที่ผิดต่อกฎหมาย และศีลธรรม ทำให้เด็กอาจสุ่มเสี่ยงต่อการติดโรคทางเพศสัมพันธ์ และถูกทารุณในหลายๆด้าน จึงได้เร่งรัดรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีกับผู้ต้องหาตามกฎหมาย ต่อมาในวันที่ 7 พ.ย.2565 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้สืบสวนติดตามผู้ต้องหาในขบวนการดังกล่าว

ทั้งหมด 7 ราย ส่ง พงส.กก.5 บก.ป. ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ได้แก่

– นายนเรศ หรือเทิงๆ อายุ 33 ปี อยู่ที่ จ.สุพรรณบุรี จากการชักถามนายนเรศฯ ให้การภาคเสธ และขอให้ไปให้การในชั้นศาลต่อไป

– น.ส.น้ำผึ้ง หรือผึ้งฯ อายุ 21 ปี อยู่ที่ จ.ชัยนาท จากการซักถาม น.ส.น้ำผึ้งฯ ให้การรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา

– น.ส.สุธีธิตา หรือแจ๋มฯ อายุ 22 ปี อยู่ที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ จากการซักถาม ผู้ต้องหา ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา

– น.ส.เบญจรงค์ หรือกุ้งฯ อายุ 30 ปี อยู่ที่ จ.สุพรรณบุรี จากการซักถาม น.ส.เบญจรงค์ หรือกุ้งฯ ให้การรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา

– น.ส.ชนานันท์ หรือเมย์ฯ อายุ 27 ปี อยู่ที่ จ.ชัยนาท จากการซักถาม น.ส.ชนานันท์ หรือเมย์ฯ ให้การรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา

– น.ส.อรสา หรือเปิ้ลฯ อายุ 48 ปี อยู่ที่ จ.นครศรีธรรมราช จากการซักถาม น.ส.อรสา หรือเปิ้ลฯ ให้การ ภาคเสธ และขอให้ไปให้การในชั้นศาลต่อไป

-น.ส.หนูพร หรือพรฯ อายุ 50 ปี อยู่ที่ จ.นครศรีธรรมราช จากการซักถาม น.ส.หนูพร หรือพรฯ ให้การภาคเสธ และขอให้ไปให้การในชั้นศาลต่อไป

3.ขยายผลจับกุมนายหน้าค้าบริการทางเพศอำมหิต ลวงเด็ก 15 ปี ชมขืนถ่ายคลิปแบล็คเมลเหยื่อแฉบังคับเสพยา ชักปืนขู่สืบเนื่องจากการที่เจ้าหน้าที่ กก.5 บก.ปคม. ขยายผลจับกุมกลุ่มนายหน้าขายบริการทางเพศใน จ.กาญจนบุรี และช่วยเหลือ น.ส.เอ นามสมมติ อายุ 15 ปี (ผู้เสียหาย) จากการชักถามพบว่ามีนายสมทรง หรือ ตงฯ มีการกระทำในลักษณะบังคับ ข่มขู่ ขืนใจ โดยบังคับผู้เสียหายเสพยาเสพติดในปริมาณมาก มีการนำอาวุธปืนวางให้ผู้เสียหายเห็นจนเกิดความกลัวจนไม่กล้าชัดขืน และขณะที่ถูกข่มขืน นายสมทรง หรือตงฯ ได้แอบถ่ายคลิปไว้ และนำคลิปที่แอบถ่ายผู้เสียหาย ไปโพสต์ในโลกออนไลน์ และนำมาโชว์ผู้เสียหาย นอกจากนี้ครอบครัวของ นายสมทรง หรือตงฯ ยังเป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ จ.กาญจนบุรี ทำให้ผู้เสียหายเกิดความกลัวจึงไม่กล้าบอกเรื่องดังกล่าวกับผู้ใดเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ปคม. จึงได้ลงพื้นที่ตรวจสอบ พบว่า นายสมทรง หรือตงฯ มีพฤติกรรมชอบซื้อบริการเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี โดยใช้บ้านเป็นสถานที่ร่วมหลับนอน โดยให้เด็กเข้าไปในห้องนอน แล้วให้เสพยาจนเกินขนาด ขาดสติ และถ่ายคลิปขณะร่วมหลับนอน นำไปโพสต์ในโลกออนไลน์ กระทำดังกล่าว เป็นการทารุณเด็กโดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย และอาจส่งผลให้เด็กเสียชีวิตจากการเสพยาเกินขนาดได้ จึงได้เร่งรัดรวบรวมพยานหลักฐาน ออกหมายจับผู้ต้องหามาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อมาวันที่ 8 พ.ย.2565 เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปคม. ได้ทำการตรวจค้นบ้านพักของนายนายสมทรง หรือตง ผลการตรวจค้น พบยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทประเภท 2 (คีตามีน) จำนวนหนึ่ง และอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน ขนาด 45 จำนวน 20 นัด และยังพบอุปกรณ์กล้องถ่ายรูป สำหรับการถ่ายทำคลิปวิดีโอ และได้ช่วยเหลือเด็กหญิงผู้เสียหายจำนวน 3 ราย อายุ 13 ปี 14 ปี และ 17 ปี ซึ่งจากการสอบถามเด็กสาว ทั้ง 3 ราย ให้การตรงกันว่า นายสมทรงฯ มีพฤติการณ์ บังคับให้เสพยา มีการเรียกเด็กสาวทั้ง 3 ราย ผลัดกันไปมีเพศสัมพันธ์ และแอบตั้งกล้องถ่ายคลิปและนำไปลงแปพลิเคชั่นเพื่เผยแพในสื่อสังคมออนไลน์ กองบังคับการบังคับก

การค้ามนุษย์ ได้ควบคุมตัวนายสมทรง หรือ ตงฯ เพื่อดำเนินคดีตามหมายจับดังกล่าวและขยายผลเพื่อดำเนินคดีในฐานความผิด “พรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปี แต่ยังไม่เกินสิบแปดปีไปเสียจากบิดามารดาผู้ปกครองหรือผู้ดูแล เพื่อการอนาจารโดยผู้เยาว์นั้นเต็มใจไปด้วย, พาบุคคลอายุเกินสิบห้าปีแต่ยังไม่เกินสิบเเปดปีไปเพื่อการอนาจาร แม้ผู้นั้นจะยินยอมก็ตาม และบังคับ ขู่เข็ญ ใช้ ชักจูง ยุยง ส่งเสริม หรือยินยอมให้เด็กแสดงหรือกระทำการอันมีลักษณะ ลามกอนาจาร ไม่ว่าจะเป็นไปเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าตอบแทนหรือเพื่อการใด” และสำหรับความผิดในฐานอื่นนั้น จะได้ทำการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีในฐานความผิดอื่นต่อไป

กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ ขอประชาสัมพันธ์เตือนภัยแก่พี่น้องประชาชนทั่วไป ดังนี้

1. ฝากเตือนผู้ที่คิดว่าจะเข้าไปเกี่ยวข้องในการขัดขวางช่วยเหลือผู้ต้องหา หรือจำเลยในคดีค้ามนุษย์ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะขยายผลหาผู้ร่วมขบวนการดังกล่าวที่เกี่ยวข้อง และจะดำเนินคดีอย่างเด็ดขาดทุกราย เพื่อตัดวงจรการค้ามนุษย์ และสร้างสภาวะแวดล้อมที่ดีต่อเด็กและเยาวชนต่อไป

2. ฝากเตือนผู้ปกครอง ที่มีบุตรหลานเริ่มเข้าสู่วัยรุ่น ให้สังเกตพฤติกรรมของบุตรหลานว่ามีการใช้จ่ายเงินพุมเฟือยเกินตัว กว่าเงินที่ท่านมอบให้หรือไม่ และควรตรวจสอบการใช้สื่อสังคมออนไลน์ของบุตรหลานว่ามีความผิดปกติ หรือไม่ ทั้งนี้เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เด็กหลงเข้าสู่กระบวนการค้ามนุษย์

3. ฝากเตือนผู้ซื้อบริการทางเพศ อย่าเพียงเพราะเห็นแก่ความสนุกชั่วครั้งชั่วคราว และคิดว่ากระทำไปแล้วไม่มีใครรู้หรือจับได้ ขอให้พึงระลึกเช่นกันว่าพยานหลักฐานการกระทำผิด จะยังคงอยู่ และสามารถนำกลับมาดำเนินคดีได้ในภายหลัง

4. ฝากเตือนผู้ที่คิดจะตั้งตัวเป็นโมเดลลิ่งหรือนายหน้าค้าบริการทางเพศเด็ก เพียงเพราะเห็นแก่รายได้ส่วนต่างจากการค้าประเวณี ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดฐานค้ามนุษย์ และเป็นความผิดที่มีอัตราโทษสูง จำคุกกว่า 10 ปี อีกทั้งคดีดังกล่าวมีอายุความ 20 ปี สำหรับในห้วงเทศกาลวันลอยกระทง ในวันที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๕ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดย กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ จึงฝากเตือนผู้ปกครองและเยาวชนที่จะไปเดินทางไปท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลลอยกระทง ช่วยกันสอดส่องและระมัดระวัง กลุ่มมิจฉาชีพที่มีพฤติการณ์ล่อลวงซักจูงเพื่อแสวงหาประโยชน์ทางเพศในช่องทางต่างๆ โดยเฉพาะในสื่อสังคมออนไลน์ ทั้งนี้เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ตกเป็นเหยื่อในขบวนการค้ามนุษย์ และแสวงหาผลประโยชน์ในทางเพศต่อไป

” ผู้ต้องหาหรือจำเลยยังเป็นผู้บริสุทธิ์ตราบใดที่ศาลยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุด”