“รองโจ๊ก” นำทีมรวบตัวแก๊งโม่งลิง อ้วนผอม ตระเวนลักทรัพย์ทั่วประเทศ พร้อมขยายผลสืบทรัพย์

จากกรณีในห้วงระหว่างปี พ.ศ.2559 – พ.ศ.2565 ได้มีแก๊งคนร้าย จำนวน 3-4 คน ร่วมกันก่อเหตุตระเวนลักทรัพย์เจาะตู้เซฟ โดยคนร้ายแต่งกายสวมหมวกโม่งลิง ใส่เสื้อแขนยาว กางเกงายาว ใส่ถุงมือยาว สวมรองเท้าสตั๊ดดอยสีดำ สะพายเป้สีดำ มีแชลงเหล็กยาว โดยก่อเหตุในพื้นที่ของ ภ.1 จำนวน 1 คดี พื้นที่ ภ.5 จำนวน 8 คดี ภ.7 จำนวน 1 คดี และพื้นที่ ภ.9 จำนวน 12 คดี รวม 22 คดี 

กรณีดังกล่าว พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เร่งดำเนินการสืบสวนติดตามจับกุมกลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุในคดีนี้โดยด่วน เนื่องจากกลุ่มคนร้ายดังกล่าวมีพฤติการณ์ที่อุกอาจ ก่อเหตุอย่างต่อเนื่องไม่เกรงกลัวกฎหมาย สร้างความหวาดกลัวให้พี่น้องประชาชน และสร้างความเสียหายในภาพรวม เป็นมูลค่ามากกว่า 50 ล้านบาท และได้ออกคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 406/2565 ลงวันที่ 8 ก.ย.65 แต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานและประสานข้อมูลและการปฏิบัติจากหลายท้องที่ เพื่อดำเนินคดีกับกลุ่มคนร้ายดังกล่าวอย่างเร่งด่วนเพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชน และเร่งติดตามทรัพย์สินที่ถูกลักเอาไปกลับคืนมาโดยเร็ว

ซึ่งต่อมา บก.สส.ภ.9 พร้อมด้วย กก.สส.ภ.จว.สงขลา และ กก.สส.ภ.จว.สตูล ได้ทำการสืบสวนทราบว่า กลุ่มผู้ก่อเหตุมีจำนวน 4 คน คือ

1. นายวสันต์  ตั้งธนภิญโญกูล อายุ 39 ปี อยู่ที่16 ม.2 ต.ยะรม อ.เบตง จ.ยะลา

2. นายสมพร  พุฒขวัญ อายุ 44 ปี อยู่ที่ 241 ม.11 ต.กำแพง อ.ละงู จ.สตูล

3. นายเกษม แซ่เจียง อายุ 49 ปี อยู่ที่ 115/1 ม.3 ต.ตาเนาะแมเราะ อ.เบตง จ.ยะลา

4. นายเรืองศักดิ์ เชื้อเมืองพาน อายุ 41 ปี อยู่ที่ 64 ซ.21 ถ.แกรนด์วิลล่า 3 ต.เบตง อ.เบตง จ.ยะลา (ภูมิลำเนาเดิม จว.เชียงราย)

โดยคนร้ายมีพฤติการณ์ในการก่อเหตุกล่าวคือจะขับรถยนต์ตระเวนหาเป้าหมายในการก่อเหตุที่เป็นร้านค้า สถานประกอบการ สหกรณ์การเกษตร ปั๊มน้ำมัน ร้านค้าขนาดใหญ่ที่มีตู้นิรภัย ที่ตั้งอยู่ติดกับป่าละเมาะ หรืออยู่ห่างไกลจากบ้านเรือนหรือชุมชน เมื่อสบโอกาส ก็จะแต่งกายคล้ายการสวมชุด PPE สวมหมวกโม่งลิง สะพายเป้สีดำ ใช้ไขควงยาวในการงัดแงะเข้าไปในตัวอาคารแล้วเข้าไปลักเอาทรัพย์สิน โดยใช้ชะแลงเหล็กหรือเครื่องเจียรเหล็กเจาะทำลายตู้นิรภัย หรือยกเอาตู้นิรภัย หรือจะนำเซิร์ฟเวอร์ของกล้องวงจรปิดไปด้วย โดยตระเวนก่อเหตุลักษณะดังกล่าวอย่างต่อเนื่องในหลายพื้นที่  จากภาคใต้-ภาคเหนือ ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามจับกุมคนร้ายได้ยกแก๊ง สอบถามผู้ต้องหาทั้ง 4 คน ให้การรับสารภาพว่าเป็นก่อเหตุ จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาว่า “ร่วมกันลักทรัพย์ในเคหสถานในเวลากลางคืน โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ หรือโดยผ่านสิ่งเช่นว่านั้นเข้าไปด้วยประการใดๆ โดยเข้าช่องทางซึ่งได้ทำขึ้นโดยไม่ได้จำนงให้เป็นทางคนเข้า โดยแปลงตัวหรือปลอมตัวเป็นผู้อื่น มอมหน้าหรือทำด้วยประการอื่นเพื่อไม่ให้เห็นหน้าหรือจำหน้าได้ โดยร่วมกันกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป, โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นจากการจับกุม, ร่วมกันทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่าหรือทำให้ไร้ประโยชน์ซึ่งทรัพย์ของผู้อื่น, ร่วมกันบุกรุกเคหสถานในเวลากลางคืน โดยร่วมกันกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป” พร้อมตรวจยึดสิ่งของที่ใช้ในการกระทำผิดจำนวนหลายรายการ อาทิ รถยนต์ เครื่องแต่งกาย และอุปกรณ์ที่ใช้ในการก่อเหตุ

นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจยังสามารถตรวจยึดทรัพย์สินที่ถูกลักเอาไปในคดีหมู่บ้านปาล์มสปริง 11 คือประเภทนาฬิกา หรู จำนวน 8 เรือน และน้ำหอม จำนวน 3 ขวด และสามารถตรวจติดตาม ขยายผลสืบทรัพย์ของคดีร้านสำเพ็ง หาดใหญ่ สามารถตรวจยึด เครื่องประดับ จำนวน 5 ชิ้น รวมมูลค่าทรัพย์สินที่สามารถติดตาม ส่งคืนให้กับผู้เสียหาย มูลค่าประมาณ 2 ล้านเศษ และจะเร่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามทรัพย์สินที่ยังไม่ได้คืนมาอย่างเร่งด่วน

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า คดีนี้เป็นอีกคดีที่ได้รับความสนใจจากประชาชนและสื่อมวลชน เนื่องจากมีการก่อเหตุต่อเนื่องในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ มูลค่าความเสียหายค่อนข้างสูง จึงได้มีการสั่งการแต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนเพื่อลงมือรวบรวมพยานหลักฐานจากที่เกิดเหตุในหลายพื้นที่รวมกัน นำหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์และภาพจากกล้องวงจรปิดนำมาวิเคราะห์ข้อมูล จนสามารถระบุแผนประทุษกรรมที่มีลักษณะคล้ายกัน และนำมาสู่การระบุตัวและจับกุมผู้ต้องหาทั้งสี่รายได้ และยังได้ทำการตรวจสอบเส้นทางทางการเงินของกลุ่มคนร้าย เพื่อประกอบเป็นหลักฐานเอาผิดและลงโทษคนร้ายให้ถึงที่สุด จากนี้จะสั่งการให้ทุกพื้นที่ที่มีเหตุลักทรัพย์ที่มีพฤติการณ์คล้ายกับคดีดังกล่าว นำพยานหลักฐานมาเปรียบเทียบเพื่อขยายผลในการแจ้งข้อกล่าวหาผู้ก่อเหตุเพิ่มเติม รวมทั้งติดตามผู้ร่วมขบวนการ และผู้รับซื้อของที่ได้จากการลักทรัพย์ต่อไป