“รองโจ๊ก” บินด่วนประสานรับผู้ต้องหาคดีค้ามนุษย์

จากกรณี เมื่อวันที่ 25 ก.ค.65 ที่ผ่านมา ได้มีญาติของ ด.ญ.เอ นามสมมติ ผู้เสียหายเข้าขอความช่วยเหลือที่ กก.6 บก.ปคม. แจ้งว่า บุตรสาวของตนถูกหลอกลวงไปค้าประเวณีที่ประเทศมาเลเซีย กก.6 บก.ปคม. จึงได้ประสานกองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ เข้าช่วยเหลือเหยื่อจนสามารถเดินทางกลับประเทศไทยได้อย่างปลอดภัยเมื่อวันที่ 28 ก.ค.65 ที่ผ่านมา

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. จึงได้สั่งการ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร./ผอ.ศพดส.ตร. , พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศพดส.ตร. พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศพดส.ตร.ดำเนินการสืบสวน ติดตามจับกุมผู้ร่วมขบวนการที่หลอกคนไทยไปค้าประเวณีที่ประเทศมาเลเซียอย่างเร่งด่วน โดยได้สั่งการให้ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. , พล.ต.ต.ภูมินทร์ พุ่มพันธ์ม่วง รอง ผบช.ก ,พล.ต.ต.ศารุติ แขวงโสภา ผบก.ปคม. ประสานความร่วมมือในการสืบสวน ติดตาม จับกุมคนร้ายในคดีนี้ทั้งหมด โดยทราบว่ากลุ่มผู้ต้องหานั้นมีการแบ่งหน้าที่กันทำอย่างชัดเจน และมีพฤติกรรมในการบังคับผู้เสียหายให้ค้าประเวณี

พฤติการณ์ในคดีนี้ กล่าวคือ ด.ญ.เอ ผู้เสียหาย ได้โพสต์หางานในกลุ่ม Facebook ต่อมา ได้มี น.ส.เมธินี ฯ ผู้ต้องหา ได้โพต์ข้อความติดต่อมายัง ด.ญ.เอ ชักชวนให้ไปทำงานร้านนวดที่ประเทศมาเลเซีย ให้ทำหน้าที่ดูแลร้าน มีรายได้ เดือนละ 20,000 – 200,000 บาทต่อเดือน หากสนใจจะได้พูดคุยผ่านช่องทางแอพลิเคชั่น Line  ด.ญ.เอ หลงเชื่อ น.ส.เมธินีฯ จึงได้นัดหมาย ให้ ด.ญ.เอฯ เดินทางมาพักอาศัยที่บ้านพักในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา เพื่อรอส่งตัวไปที่ประเทศมาเลเซีย โดยมีนายวันเผด็จ ฯ เป็นผู้รับตัวมาส่งที่ จ.ฉะเชิงเทรา และมี นายกอแต้ ฯ เป็นผู้ควบคุมเดินทางไปยัง อ.สุไหงโกลก จ.นราธิวาส และเดินทางไปยังประเทศมาเลเซีย โดยผ่านช่องทางธรรมชาติ เมื่อ ด.ญ.เอ เดินทางถึงประเทศมาเลเซีย ที่โรงแรมแห่งหนึ่งย่านถนนพาดูอูลู เขตชีราส กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ได้พบกับ น.ส.เกษณีฯ  ซึ่งเป็นเจ้าของร้าน  มีนางนฤมล ฯ เป็นผู้จัดหาลูกค้า และน.ส.เมธินี ฯ เป็นผู้ชักชวนให้ ด.ญ.เอ มาทำงาน โดยทั้งสามคนได้ร่วมกันบังคับให้ ด.ญ.เอฯ ขายบริการทางเพศ แม้ว่า ด.ญ.เอฯ จะมีอาการปวดท้อง ไม่สบาย ก็ไม่สามารถหยุดงานได้ และยังข่มขู่อีกว่าหากไม่ยินยอมทำงาน จะส่งไปขายให้กับบุคคลอื่นต่อ

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการรวบรวมพยานหลักฐานจนสามารถออกหมายจับและจับกุมผู้ต้องหาได้ จำนวน 2 ราย ประกอบด้วย

1. นายวันเผด็จ เรืองฤทธิ์ อายุ 41 ปี

2. นายกอแต้ หรือลีโอ อายุ 32 ปี สัญชาติเมียนมา

โดยกล่าวหาว่า สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์โดยการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากการค้าประเวณีโดยกระทำแก่บุคคลอายุไม่เกินสิบห้าปีและได้กระทำความผิดตามที่ได้ตกลงกันไว้, ร่วมกันค้ามนุษย์โดยการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากการค้าประเวณีโดยกระทำแก่บุคคลอายุไม่เกินสิบห้าปีฯ

โดยภายหลังจากจับกุมผู้ต้องหาทั้งสองรายแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐานจนสามารถออกหมายจับเอเย่นฝั่งมาเลเซียได้จำนวน 3 ราย ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการได้ประสานความร่วมมือกันระหว่างประเทศ บก.ป., บก.สส.จชต. และกองบัญชาการสอบสวนกลางประเทศมาเลเซีย เพื่อติดตามจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย ซึ่งกำลังหลบหนีอยู่ในประเทศมาเลเซีย โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจประเทศมาเลเซียสามารถติดตามจับกุมไว้ได้ทั้งหมด ประกอบด้วย

1. น.ส.เมธินี แสงไข่ อายุ 38 ปี

2. น.ส.นฤมล แฟงฟัก อายุ 44 ปี

3. น.ส.เกษณี ตาท้าว อายุ 38 ปี

โดยกล่าวหาว่า สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์โดยเป็นธุระจัดหา ซื้อ ขาย จำหน่าย พามาจาก หรือส่งไปยังที่ใด จัดให้อยู่อาศัย หรือรับไว้ซึ่งบุคคลใด เพื่อแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากการค้าประเวณีโดยกันตั้งแต่สามคนขึ้นไปและได้ลงมือกระทำความผิดตามที่ได้สมคบกัน โดยกระทำแก่เด็กอายุไม่เกินสิบห้า ปี ,  ร่วมกันค้ามนุษย์ตั้งแต่สามคนขึ้นไป โดยเป็นธุระจัดหา ซื้อ ขาย จำหน่าย พามาจาก หรือส่งไปยังที่ใด จัดให้อยู่ อาศัย หรือรับไว้ซึ่งบุคคลใด เพื่อแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากการค้าประเวณีโดยกระทำแก่เด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปี , ร่วมกันเป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือซักพาไป ซึ่งบุคคลใด เพื่อให้บุคคลนั้นกระทำการค้าประเวณีแม้ว่าบุคคลนั้น จะยินยอมก็ตาม และไม่ว่าการกระทำต่างๆอันประกอบเป็นความผิดนั้นจะได้กระทำภายในหรือนอกราชอาณาจักร โดย กระทำแก่เด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปี , ร่วมกันเพื่อสนองความใคร่ของผู้อื่น เป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือพาไปเพื่อการอนาจารซึ่งหญิง แม้ผู้นั้นจะยินยอม ก็ตาม โดยกระทำแก่เด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปี , ร่วมกันกระทำด้วยประการใด โดยการช่วยเหลือ ให้ความสะดวก หรือคุ้มครองการค้าประเวณีของผู้อื่น รับ ประโยชน์ไม่ว่ารูปแบบใดจากการค้าประเวณีของผู้อื่นหรือจากผู้ซึ่งค้าประเวณีและจัดให้มีการค้าประเวณีระหว่างผู้ซึ่ง ค้าประเวณีกับผู้ให้บริการ , ร่วมกันชักจูง ยุยง ส่งเสริม หรือยินยอมให้เด็กประพฤติตนไม่สมควร หรือน่าจะทำให้เด็กมีความประพฤติเสี่ยง ต่อการกระทำผิด ,ร่วมกันชักจูง ยุยง ส่งเสริม ยินยอม หรือการทำด้วยประการใดอันเป็นการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากเด็ก ,ร่วมกันชักจูง ยุยง ส่งเสริม หรือยินยอมให้เด็กกระทำการอันมีลักษณะลามกอนาจารเพื่อให้ได้มาซึ่ง ค่าตอบแทนหรือเพื่อการใด , พรากเด็กอายุยังไม่เกิน สิบห้าปีไปเสียจากบิดามารดาผู้ปกครองหรือผู้ดูแล โดยปราศจากเหตุอันสมควร เพื่อหา กำไรหรือเพื่อการอนาจาร

นอกจากนี้ ยังสามารถขยายผลตรวจค้นโรงแรมย่าน Selangor สามารถเข้าช่วยเหลือเหยื่อที่ถูกหลอกลวงไป ขายบริการทางเพศ ได้อีกจำนวน 4 ราย ซึ่งเป็นหญิงไทย 2 ราย และหญิงชาวอินโดนีเซีย 2 ราย

ความคืบหน้าล่าสุด วันนี้ (7 พ.ย.65) พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. พร้อมคณะ ได้เดินทางไปยังกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เพื่อเข้าพบ Tan Sri Acryl Sani Bin Hj Abdullah Sani ผบ.ตร. ,Dato’ Sri Abd Jalil Bin Hassan ผบช.สืบสวนคดีอาชญากรรม ,Dato’ Sri Hazani Bin Ghazali ผบช.ความมั่นคงภายใน ,Dato’ Hj Baharuddin Bin Hj Ahmad ผบช.ตำรวจสันติบาล ,Dato’ Mohd Kamarudin Bin Md Din ผบช.สืบสวนคดีเศรษฐกิจ, Datuk Zaini Bin Jass ผบช.ฝ่ายบริหาร ,Datuk Seri Ayob Khan Bin Mydin Pitchay ผบช.ปราบปราบยาเสพติด เพื่อประสานความร่วมมือ ในคดีอาชญากรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างประเทศไทย-มาเลเซีย ซึ่งเป็นการพัฒนาความก้าวหน้าในการทำงานร่วมกัน รวมทั้งการส่งตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 รายในคดีนี้ กลับมาดำเนินคดีตามกฎหมายที่ประเทศไทย

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ภายหลังจาก บก.ปคม. ได้รับการร้องขอความช่วยเหลือจากญาติของเหยื่อ โดยชุดปฏิบัติการสามารถประสานความร่วมมือในการเข้าช่วยเหลือเหยื่อได้อย่างรวดเร็ว และพากลับมายังประเทศไทยได้อย่างปลอดภัย และยังสามารถสืบสวน ติดตาม จับกุมผู้ที่เกี่ยวข้องกับขบวนการหลอกลวงคนไทยไปค้าประเวณีที่ประเทศมาเลเซีย ซึ่งจับกุมที่ประเทศไทยจำนวน 2 ราย และประสานความร่วมมือกับทางการมาเลเซียจนสามารถจับกุมเพิ่มได้ทั้งหมดอีก 3 ราย รวมทั้งยังสามารถช่วยเหลือเหยื่อที่ถูกหลอกลวงไปได้อีก 4 ราย เป็นคนไทย 2 ราย และอินโดนีเซีย 2 ราย ทั้งนี้จากการที่ทางการไทยและทางการมาเลเซียมีการประสานความร่วมมือในการบังคับใช้กฎหมายด้วยดีเสมอมา ทำให้การร่วมมือกันป้องกันปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติสามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพมาก จากการได้พบและพูดคุยกับ ผบ.ตร.มาเลเซีย ก็ยืนยันว่าจะประสานความร่วมมือกันปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติเหล่านี้กันอย่างเข้มแข็งต่อไป เพื่อปิดทางมิให้อาชญากรเหล่านี้มีที่ยืนในทั้งสองประเทศต่อไป