ผบช.ภ.5 ปล่อยแถวปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นระดมกวาดล้างอาชญากรรมและยาเสพติด ในห้วงเทศกาลลอยกระทง

ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ปล่อยแถวและชุดปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นระดมกวาดล้างอาชญากรรมและยาเสพติด ในห้วงเทศกาลลอยกระทง พื้นที่จังหวัดลำพูน เป็นการเร่งรัดปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรม และยาเสพติดอย่างเร่งด่วนแบบครบวงจรและต่อเนื่อง เพื่อสร้างความเชื่อมั่น ศรัทธา ให้กับประชาชน โดยมุ่งหวังผลในการปฏิบัติการ เพื่อทำลายเครือข่ายของกลุ่มบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดในทุกระดับให้หมดสิ้นไปอย่างเป็นรูปธรรม

วันนี้(4 พ.ย. 65) เมื่อเวลา 06:00 นาฬิกา ที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวจังหวัดลำพูน ตำบลในเมือง อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน พลตำรวจโท ปิยะ ต๊ะวิชัย ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 เป็นประธานในพิธีเปิดปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นระดมกวาดล้างอาชญากรรมและยาเสพติด ในห้วงเทศกาลลอยกระทง ประจำปี 2565 ในพื้นที่จังหวัดลำพูน โดยมี นายสันติธร ยิ้มละมัย ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน, นายอนุพงษ์ วาวงศ์มูล รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน, นายชาตรี กิตติธนดิตถ์ ปลัดจังหวัด(ปจ.)ลำพูน, นายโยธิน ประสงค์ความดี นายอำเภอเมืองลำพูน, หัวหน้าส่วนราชการ, ตำรวจภูธรภาค 5 โดยกองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 5(บก.สส.ภ.5), ตำรวจภูธรจังหวัดลำพูน, ฝ่ายปกครอง, ฝ่ายทหาร, สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด(ป.ป.ส.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมในพิธีฯ

พลตำรวจตรี บุณยวัต เกิดกล่ำ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดลำพูน กล่าวว่า ตามที่ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มีบัญชาให้ทุกหน่วยเร่งรัดดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งเน้น ในเรื่องการเสริมสร้างความปลอดภัยให้กับประชาชน โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมมือ ช่วยกันเร่งแก้ไขปัญหาสำคัญ ได้แก่ ปัญหาอาชญากรรม ยาเสพติด อาวุธปืน แหล่งอบายมุขต่าง ๆ ผู้มีอิทธิพล อาชญากรรมข้ามชาติ การค้ามนุษย์ การลักลอบเข้าเมือง ภัยคุกคาม และปัญหาอื่น ๆ อย่างเร่งด่วนแบบครบวงจรและต่อเนื่อง เพื่อสร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน และความเชื่อมั่นให้กับประชาชนโดยเฉพาะในห้วงเทศกาลลอยกระทง คาดการณ์จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในพื้นที่เป็นจำนวนมาก

ประกอบกับ พลตำรวจเอก ดำรงศักดิ์ กิติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเดินหน้าปราบปราม อาชญากรรม และยาเสพติดในเชิงรุก บูรณาการกับทุกภาคส่วน ทั้งฝ่ายปกครอง ท้องถิ่น สาธารณสุข เพิ่มความเข้มในการปราบปรามจับกุมผู้กระทำความผิดในพื้นที่ รวมทั้งให้มีการขยายผลและใช้มาตรการทางทรัพย์สิน ทั้งยึดอายัดทรัพย์คดียาเสพติด การฟอกเงินต่อผู้กระทำผิดทุกราย รวมทั้งติดตามนำผู้เสพมาเข้ารับการบำบัด โดยเฉพาะในชุมชน สถานศึกษา สถานบริการและสถานประกอบการ ให้สุ่มตรวจตามวงรอบ ปีดล้อมตรวจคันชุมชนอย่างต่อเนื่อง ค้นหาผู้ติดยาเสพติดที่มีอาการทางจิตประสาทในพื้นที่ จัดทำฐานข้อมูลเพื่อพิจารณาจัดลำดับความรุนแรงของอาการ เพื่อนำเข้าบำบัดรักษา และค้นหาและนำผู้เสพ เข้าสู่กระบวนการบำบัดโดยสมัครใจโดยเร็ว และได้เน้นย้ำให้ผู้บังคับบัญชาทุกระดับต้องลงไปขับเคลื่อนนโยบายตามที่ได้สั่งการ

ตำรวจภูธรภาค 5 โดยกองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 5(บก.สส.ภ.5), ตำรวจภูธรจังหวัดลำพูน ได้ร่วมกับฝ่ายปกครอง, ฝ่ายทหาร, สำนักงาน ป.ป.ส. ให้ความสำคัญในการป้องกันและแก้ไขปัญหาอาชญากรรม ภัยคุกคามต่าง ๆ และยาเสพติดอย่างจริงจังมาโดยตลอด กำหนดให้การปราบปรามอาชญากรรม และยาเสพติดเป็นนโยบายสำคัญเร่งด่วน ที่ต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วนและต่อเนื่อง ควบคู่กับการร่วมมือกันของทุกภาคส่วน ในการขับเคลื่อนการปฏิบัติไปสู่เป้าหมายที่กำหนด จึงได้ดำเนินการในทุกวิถีทาง เพื่อระดมสรรพกำลัง โดยใช้กลยุทธ์ในการสืบสวนหาข่าว เพื่อเข้าดำเนินการปีดล้อมตรวจค้นในหมู่บ้าน/ชุมชน ที่เป็นแหล่งเกิดอาชญากรรม แหล่งพัก หรือพื้นที่แพร่ระบาดของยาเสพติดในพื้นที่จังหวัดลำพูน จำนวน 33 เป้าหมาย

เพื่อนำกลุ่มบุคลลที่กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเข้มข้นและเด็ดขาด ทั้งนี้ เพื่อให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ของทางราชการ และเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล สำนักงานตำรวจแห่งชาติและตำรวจภูธรภาค ในการปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นระดมกวาดล้างอาชญากรรม และยาเสพติดในห้วงเทศกาลลอยกระทง กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 5 ร่วมกับตำรวจภูธรจังหวัดลำพูน และหน่วยที่เกี่ยวข้อง ภายใต้ยุทธการ ” ชัยยะ 1/2566 ” ในครั้งนี้ได้จัดกำลังชุดปฏิบัติการของหน่วยในสังกัด กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 5 ร่วมกับตำรวจภูธรจังหวัดลำพูน โดยบูรณาการกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ฝ่ายทหาร เจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ภาค 5 และหน่วยร่วมปฏิบัติที่เกี่ยวข้อง เพื่อเข้าดำเนินกลยุทธ์ต่อเป้าหมายพร้อมกันทุกเป้าหมาย จำนวนทั้งสิ้น 220 นาย

ด้าน ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 กล่าวว่า ตำรวจภูธรภาค 5 ได้สนองตอบนโยบายของรัฐบาล โดยการขับเคลื่อนการทำงานในภาพรวมด้านการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมและยาเสพติตให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และเพื่อให้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุดสอดคล้องกับนโยบายของ พลตำรวจเอก ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่สั่งการให้เดินหน้าปราบปรามอาชญากรรมและยาเสพติดในเชิงรุก บูรณาการกับทุกภาคส่วน เพิ่มความเข้มในการปราบปรามจับกุมผู้กระทำความผิดในพื้นที่ รวมทั้งให้มีการขยายผลและใช้มาตรการทางทรัพย์สิน ติดตามนำตัวผู้เสพมาเข้ารับการบำบัดโดยเร็ว โดยเฉพาะในชุมชน สถานศึกษา สถานบริการและสถานประกอบการ

ดังนั้น การเปิดยุทธการ “ชัยยะ 1/2566” ในวันนี้(4 พ.ย. 65) เป็นการเร่งรัดปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรม และยาเสพติดอย่างเร่งด่วนแบบครบวงจรและต่อเนื่อง เพื่อสร้างความเชื่อมั่น ศรัทธา ให้กับประชาชน โดยมุ่งหวังผลในการปฏิบัติการ เพื่อทำลายเครือข่ายของกลุ่มบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดในทุกระดับให้หมดสิ้นไปอย่างเป็นรูปธรรม

ต่อมาเมื่อเวลา 11:00 นาฬิกา ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดลำพูน ตำบลบ้านกลาง อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน พลตำรวจโท ปิยะฯ พร้อมด้วย พลตำรวจตรี บุณยวัตฯ, นายอนุพงษ์ฯ และส่วนเกี่ยวข้อง ร่วมกันแถลงข่าวผลการกวาดล้างปราบปรามอาชญากรรมช่วงเทศกาลลอยกระทง โดยมีเป้าหมายการเข้าตรวจค้นรวม 40 เป้าหมาย มีผู้กระทำความผิด 729 ราย ผู้ต้องหา 452 คน ความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด 321 คน ของกลางยาบ้าจำนวน 25275 เม็ด ไอซ์ 1 กรัม ฝิ่น 25 กรัม พ.ร.บ.อาวุธปืน จับผู้ต้องหา 131 คน ของกลางอาวุธปืน 146 กระบอก เครื่องกระสุนปืน 678 นัด วัตถุระเบิด 551 ราย ผู้ต้องหาตามหมายจับ 98 ราย

พลตำรวจตรี บุณยวัตฯ กล่าวว่า ได้มีการระดมกวาดล้างในพื้นที่จังหวัดลำพูนตามนโยบายของผู้บังคับบัญชา ตั้งแต่ห้วงของวันที่ 10 ตุลาคม ถึงวันที่ 4 พฤศจิกายน มีผลการกวาดล้างจับผู้กระทำความผิดได้เป็นจำนวนมากทั้งรายเล็กรายย่อยรายกลาง โดยจะทำการเข้มงวดจับกุมต่อไปอย่างต่อเนื่อง..

ทางด้าน พลตำรวจตรี วรพงษ์ คำลือ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 5(ผบก.สส.ภ. 5) เปิดเผยว่า เครือข่ายที่ทางภาค 5 ติดตามจับกุมในพื้นที่จังหวัดลำพูน และการระบาดในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมลำพูน นั้นทางเราติดตามผู้กระทำความผิดมาตั้งแต่จับสมุนเครือข่ายของนาย มิ้น เจนคำ ซึ่งได้หลบหนีไปอยู่ในประเทศเพื่อนบ้านและพบว่ามีเครือข่ายที่ฝังตัวอยู่พื้นที่ นิคมอุตสาหกรรมลำพูนอยู่หลายคน ส่วนใหญ่จะเป็นชาวไทใหญ่ ทั้งนี้ ทางตำรวจภูธรภาค 5 กำลังจับตาและจะจับกุมให้หมดต่อไป