รวบ “แก๊งตุ๋นหวยทิพย์ ใช้ชีวิตกินหรูอยู่สบาย หลังหลอกผู้เสียหายได้เงินไปร้อยกว่าล้าน”

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป., พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ, พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบกป., พ.ต.อ.วิวัฒน์ จิตโสภากุล ผกก.๓ บก.ป., พ.ต.ท.สุริยศักดิ์ จิราวัสน์, พ.ต.ท.พงศกร ตันอารีย์, พ.ต.ท.สุรเชษฐ์ เดชะพันธ์ รอง ผกก.3 บก.ป. และพ.ต.ท.ภาณุมาศ แสงส่ง ปฏิบัติราชการ รอง ผกก.3 บก.ป. เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย ว่าที่ พ.ต.ท.รัฐมนตรี พันชูกลาง สว.กก.3 บก.ป., ร.ต.อ.สันติชัย ศรีสวัสดิ์ รอง สว.กก.3 บก.ป.,ร.ต.อ.หญิงวรรณภา พรมบัญชา รอง สว.(สอบสวน)กก.3 บก.ป., ร.ต.ท.รังสิมันตุ์ ตันจริง รอง สว.(สอบสวน)กก.3 บก.ป., ด.ต.สุริยพงษ์ แสงพันธ์ ผบ.หมู่ กก.3 บก.ป., ด.ต.อมรรัตน์ อนุทัย ผบ.หมู่ กก.3 บก.ป. และจ.ส.ต.พิทักษ์ มณีรัตน์ ผบ.หมู่ กก.3 บก.ป.

ร่วมกันจับกุม
1.) นายรัฐกรณ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 30 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลอาญา ที่ จ.2320/2565 ลงวันที่ 1 พ.ย.2565 ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกง และร่วมกันฟอกเงิน และสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐาน ฟอกเงิน และมีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน”
2.) น.ส.รพีพรรณ (สงวนนามสกุล) อายุ 25 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลอาญา ที่ จ.2321/2565 ลงวันที่ 1 พ.ย.2565 ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกง และร่วมกันฟอกเงิน และสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐาน ฟอกเงิน และมีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน”
3.) น.ส.รัชฎาภรณ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 32 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลอาญา ที่ จ.2322/2565 ลงวันที่ 1 พ.ย.2565 ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกง และร่วมกันฟอกเงิน และสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐาน ฟอกเงิน และมีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน”

สถานที่จับกุม บริเวณหมู่บ้านในพื้นที่ ต.บ้านเป็ด อ.เมือง จ.ขอนแก่น เมื่อวันที่ 3 พ.ย.65

พฤติการณ์ สืบเนื่องจากเมื่อประมาณปลายปี พ.ศ.2561 ผู้เสียหายได้รู้จักกับนายรัฐกรณ์หรืออาร์ม สร้างความน่าเชื่อถืออ้างว่าตนเองยี่ปั๊วตัวแทนจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาล ในพื้นที่จังหวัดเลยและพื้นที่ใกล้เคียง มีโควตารับลอตเตอรี่ จำนวน 5,000 เล่ม โดยรู้จักกับข้าราชการนายทหารชั้นผู้ใหญ่ให้การสนับสนุน จึงชักชวนให้ผู้เสียหายร่วมลงทุน โดยอ้างว่าจะได้รับผลตอบแทนจริง โดยจะให้ผลตอบแทนกำไร ใบละ 1-5 บาท ต่องวด ของจำนวนเงินที่ลงทุนไปในแต่งวด ซึ่งแต่ละงวดจะได้กำไรไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับต้นทุนสลากที่ซื้อได้จากกองสลาก ต่อมานายรัฐกรณ์ฯ ได้แนะนำผู้เสียหายให้รู้จักกับ น.ส.รพีพรรณ (น้องสาวนายรัฐกรณ์) และ น.ส.รัชฎาภรณ์ (เพื่อนนายรัฐกรณ์) ร่วมกันใช้กลอุบายหลอกลวงผู้เสียหายให้ร่วมลงทุนกับนายรัฐกรณ์ จนผู้เสียหายหลงเชื่อและเข้าร่วมลงทุนด้วย การลงทุนช่วงแรกมีการจ่ายเงินตอบแทนจริง ผู้เสียหายจึงได้ร่วมลงทุนซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลกับกลุ่มผู้ต้องหาอีกหลายครั้ง และเมื่อนายรัฐกรณ์ อยากให้ผู้เสียหายเพิ่มยอดการลงทุนมากขึ้น ผู้ร่วมขบวนการจะช่วยพูดสนับสนุน โดยอ้างว่าได้โควตาล๊อตตารี่เพิ่มบ้าง อ้างว่านายทุนที่เคยลงทุนด้วยจะถอนทุนออกไป ต้องให้ผู้เสียหายเอาเงินมาลงทุนแทนบ้าง หรืออ้างว่าต้องนำเงินไปวางเพื่อประกันโควต้าล็อตเตอรี่ไว้บ้าง แล้วแต่จะสร้างเรื่องขึ้นมา แต่พอผู้เสียหายถามถึงเงินที่ลงทุนนั้น ไปซื้อสลากจากใคร จำนวนเท่าใด มีสัญญาซื้อขายอะไรหรือไม่ กลุ่มผู้ต้องหาได้นำสัญญาการซื้อขายสลากกับเป็นยี่ปั๊วรายใหญ่มาให้ผู้เสียหายดู เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือมากขึ้น จึงได้เพิ่มเงินลงทุนมากขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งช่วงกลางเดือน กุมภาพันธ์ 2565 ผู้เสียหายต้องการนำเงินไปลงทุนทำธุรกิจส่วนตัว จึงได้แจ้งขอเงินลงทุนคืนจากกลุ่มผู้ต้องหาคืน แต่เมื่อถึงวันกำหนด ก็ไม่ยอมคืนเงินให้ เมื่อติดตามทวงถามก็บ่ายเบี่ยงเรื่อยมา สืบทราบภายหลังว่ากลุ่มผู้ต้องหาไม่ได้เป็นยี่ปั้วแต่อย่างใด และไม่มีโควต้าจำนวนมากตามที่กล่าวอ้าง ผู้เสียหายเองก็ไม่เคยเห็นสลากกินแบ่งรัฐบาล และไม่ปรากฏว่ามีผู้ใดมารับซื้อ หรือมีหน้าร้านจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลแต่อย่างใด จึงเชื่อว่าถูกหลอก เป็นเหตุให้ได้รับความเสียหาย จึงได้เข้ามาร้องทุกข์ดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ต้องหาจนกว่าคดีจะถึงที่สุด ที่ กองกำกับการ 3 กองบังคับการปราบปรามพ.ต.อ.วิวัฒน์ จิตโสภากุล ผกก.3 บก.ป. จึงได้สั่งการให้ชุดสืบสวนทำการสืบสวนขยายผล จนทราบว่าขบวนการนี้มีการแบ่งหน้าที่กันทำ โดยเริ่มตั้งแต่บุคคลที่มีหน้าที่ชักชวน สร้างความน่าเชื่อถือ และร่วมกันหลอกลวงจนผู้เสียหายหลงเชื่อ โดยให้ผู้เสียหายโอนเงินเข้าบัญชีที่นายรัฐกรณ์ เตรียมไว้ ก่อนที่จะมีการโอนเงินต่อให้กับคนในขบวนการ ทั้งนี้ได้ตรวจสอบเส้นทางการเงินประวัติของผู้ร่วมขบวนการ พบว่ามีเงินหมุนเวียนกว่า 1,900 ล้านบาท เบื้องต้นผู้เสียหาย 2 รายจึงได้รับความเสียหาย รวมเป็นเงินจำนวน 126,811,999 บาท ทั้งนี้นอกจากกลุ่มผู้ต้องหาได้ร่วมกันกระทำความผิดกับผู้เสียหาย ๒ รายนี้แล้ว ยังกระทำการในลักษณะเช่นเดียวกันนี้กับผู้เสียหายรายอื่นอีกหลายคนหลายครั้ง และกระทำซ้ำๆ อย่างนี้เรื่อยมา อันมีลักษณะเป็นปกติธุระ ซึ่งอยู่ในระหว่างการสืบสวนขยายผลต่อไป

โดยเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2565 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ป. ได้นำกำลังลงพื้นที่เข้าจับกุมกลุ่มผู้ร่วมขบวนการในพื้นที่ จ.ขอนแก่น สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้จำนวน 3 ราย พร้อมตรวจยึดของกลาง สมุดบัญชีธนาคาร โทรศัพท์มือถือ และของกลางอื่นๆ รวมจำนวนหลายรายการ รวมถึงตรวจยึดทรัพย์สินที่น่าเชื่อว่าได้จากการประทำความผิด อาทิ โฉนดที่ดิน ยานพาหนะ ของขบวนการดังกล่าวได้จำนวนหลายรายการ รวมมูลค่ากว่า 10 ล้านบาท ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้นำตัวผู้ต้องหาและของกลางทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน กก.3 บก.ป. เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

สอบถามคำให้การกลุ่มผู้ต้องหาเบื้องต้น ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา