จากกรณีที่มีคลิปถูกนำมาเผยแพร่ในโลกโซเชียลโดยกลุ่มนักศึกษากลุ่มหนึ่ง พร้อมทั้งระบุว่า คลิปวีดีโอความยาวประมาณ 5 นาที ที่เห็นนี้ เป็นภาพเด็กจำนวน 7-8 คน อายุตั้งแต่ 10-17 ปี กำลังถูกครูเจ้าของมูลนิธิคุ้มครองเด็กแห่งหนึ่งภายใน อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม ลงโทษโดยการเฆี่ยนตี และยังมีลักษณะพฤติกรรมใช้คำหยาบคาย เดินไป เดินมา ลงโทษเด็ก
ซึ่งคลิปที่เผยแพร่มีเด็กในมูลนิธิแอบถ่าย และส่งให้นักศึกษาที่ไปทำกิจกรรมเลี้ยงอาหารที่มูลนิธิ ให้ช่วยเหลือ โดยมีการส่งต่อมาให้สื่อมวลชน นำเสนอให้กับประชาชนทั่วไปทราบถึงความรุนแรงที่เกิดขึ้นภายในมูลนิธิดังกล่าวนี้
ทำให้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ต้องสั่งการสั่งการให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. และ ผอ.ศพดส.ตร. เร่งสืบสวน ให้การช่วยเหลือ และติดตามคดีที่เกิดขึ้นโดยทันที เนื่องจากเหตุการณ์นี้กระทบกับความรู้สึกต่อประชาชน และเกรงว่าหากยิ่งเวลานานไปอาจเกิดอันตรายกับเด็กมากกว่านี้โดย โดยขอให้เร่งให้การช่วยเหลือเด็กออกมาก่อน และสืบสวนสอบสวนเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยด่วน
รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติจึงได้เชิญผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรอัมพวา จังหวัดสมุทรสงครามมาชี้แจงรายละเอียดที่เกิดขึ้นพร้อมกับให้นำหลักฐานที่เผยแพร่อยู่ในสื่อมวลชนมาตรวจสอบ จากนั้นได้สั่งกำชับให้เร่งดำเนินการช่วยเหลือเด็กออกมาจากสถานที่ให้เร็วที่สุดโดยประสานงานกับเจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เข้าไปตรวจสอบและนำหลักฐานที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นภาพคลิปวิดีโอกล้องวงจรปิดหรือคำให้การของผู้ที่ถูกทำร้าย มาสรุปเป็นรายงานและดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องโดยเร็ว
โดยในวันนี้ 3 ต.ค.65 เวลาประมาณ 20.30 น. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ฯ ร่วมกับ เจ้าหน้าที่ พม. และ NGOs พร้อมชุดปฏิบัติการสืบสวนสอบสวน ศพดส.ตร. และเจ้าหน้าที่จากกองพิสูจน์หลักฐาน เพื่อไปตรวจสอบเหตุการณ์ในมูลนิธิคุ้มครองเด็ก บ้านครูยุ่น จ.สมุทรสงคราม
โดยกำชับให้เร่งเก็บพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ และย้ายเด็กที่ถูกกระทำรุนแรง ไปให้ความคุ้มครองทุกคน โดยจะนำเข้าสู่กระบวนการคัดแยกเหยื่อ ต่อหน้าสหวิชาชีพ
ทั้งนี้จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่า ที่มูลนิธิแห่งนี้ มีเด็กอยู่ในความดูแลของมูลนิธิประมาณ 54 คน โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ พมจ.สมุทรสงคราม ได้เข้าช่วยเหลือเด็กที่ถูกทำร้ายออกมา จนขณะนี้เหลือเด็กที่ยังพักอาศัยอยู่ในมูลนิธิเพียง จำนวน 21 คน
ซึ่งจากการสอบถามเด็กให้การว่า ถูกทำร้ายจริง โดยนายมนตรี สินทวิชัยหรือครูยุ่น อายุ 54 ปี เลขาธิการมูลนิธิคุ้มครองเด็ก (บ้านครูยุ่น) ได้ทำร้ายเฆี่ยนตี ด่าทอ และ อ้างว่าทำไปเพราะเด็กมีพฤติกรรมยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด มีการนำยาเสพติดมาใช้เสพในมูลนิธิ และบางคนชักชวนเด็กเล็กที่ว่ายน้ำไม่เป็น ลงเรือพายเรือเล่น จึงได้มีการเฆี่ยนตีเพื่อให้หลาบจำ
นอกจากการทำร้ายร่างกายแล้วการสอบสวนยังพบว่าที่มูลนิธิแห่งนี้ ยังมีพฤติการณ์ในการจ้างแรงงานเด็กต่ำกว่าสิบห้าปี ทำงานที่รีสอร์ตแห่งหนึ่งภายใน จ.สมุทรสงคราม โดยเด็กจะได้รับค่าจ้างวันละ 30 บาท เป็นค่าตอบแทน แต่ไม่พบว่ามีการบังคับเฆี่ยนตีหากไม่ทำงาน ซึ่งมีเด็กบางส่วนทนพฤติกรรมของครูยุ่นไม่ไหว ได้หลบหนีออกจากมูลนิธิไปแล้ว
โดยตำรวจ จะดำเนินคดีกับครูยุ่น ผู้ต้องหา โดยกล่าวหาว่า ทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ และใช้แรงงานเด็ก ซึ่งใช้เวลาในการสอบสวนกว่า 6 ชั่วโมงซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ให้ประกันตัวโดยไม่จำเป็นต้องใช้หลักทรัพย์เนื่องจากไม่พบพฤติกรรมหลบหนี
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ได้เดินทางมาติดตามความคืบหน้าในการทำสำนวนคดีพร้อมเน้นย้ำให้ เจ้าหน้าที่ทำสำนวนด้วยความรัดกุมโดยเฉพาะประเด็นที่ตกเป็นข้อสงสัยของสังคม