แถลงข่าวผลการปิดล้อมตรวจค้นเครือข่ายนายทุนจีนสีเทา ตามปฏิบัติการ “ล้มไม้ค้ำ ลิดกิ่งก้าน”

เมื่อวันที่ 3 พ.ย.ที่บช.สอท. พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท., พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1 และพ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองผบก.ตม.1 ร่วมกันแถลงข่าวผลปิดล้อมตรวจค้นเครือข่ายนายทุนจีนสีเทา ตามปฏิบัติการ“ล้มไม้ค้ำ ลิดกิ่งก้าน” โดยปิดล้อมตรวจค้น 3 จุดในพื้นที่กรุงเทพมหานคร จับกุมผู้ต้องหากว่า 15 ราย ในจำนวนนี้เป็นคนจีน 11 ราย คนไทย 4 ราย พร้อมของกลางเป็นเงินสดกว่า 42 ล้านบาท รถยนต์หรูกว่า 10 คัน โฉนดที่ดินหลายรายการ สุราต่างประเทศ สำรับไพ่ กระเป๋าแบรนด์เนม มูลค่ารวมกว่า 300 ล้านบาท

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวว่า การปิดล้อมตรวจค้นครั้งนี้เป็นนโยบายของทางรัฐบาล และทางพล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ที่ให้ความสำคัญในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมประกอบกับในช่วงที่ผ่านมามีกรณีชาวต่างชาติเสียชีวิตเพราะยาเสพติดในสถานบันเทิง และกรณีสถานบริการเปิดให้บริการเฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติได้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและการพนัน โดยเจ้าของกิจการหรือสถานบริการล้วนเป็นนักลงทุนต่างชาติ อย่างไรก็ตามปฎิบัติการดังกล่าวเป็นการขยายผลจากการตรวจค้นสถานบริการจินหลิง ย่านยานนาวา เขตสาทร หลังพบกลุ่มนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เป็นชาวจีนกว่า 237 คน เป็นชายสัญชาติจีน จำนวน 111 คน เป็นหญิงสัญชาติจีน จำนวน 126 คน นอกจากนั้น พบพนักงานและบุคคลชาวกัมพูชา และชาวไทยในบริเวณอาคารดังกล่าวอีกจำนวนกว่า 29 คน ตรวจยึดรถยนต์หรูกว่า 30 คัน เพื่อตรวจสอบหาเจ้าของว่ามีส่วนร่วม รู้เห็น หรือเกี่ยวข้องกับยาเสพติด หรือมีพฤติการณ์อันเข้าข่ายฟอกเงิน หนึ่งในรถยนต์หรูที่เจ้าหน้าที่ตำรวจยึดไว้นั้น ผู้ต้องหาหญิงชาวจีนเป็นผู้ขับ มีชายชาวจีนเป็นเจ้าของรถยนต์

ทั้งนี้จากการตรวจสอบชายชาวจีนคนดังกล่าว คือกลุ่มอาชญากรรมออนไลน์ แต่ถือหนังสือเดินทางประเทศกัมพูชาในการเดินทางและยังมีหนังสือเดินทางของประเทศต่างๆอีกเป็นจำนวนมาก รวมทั้งสวมสิทธิเป็นคนไทยมีบัตรประจำตัวประชาชน เงินที่ได้จากการหลอกลวงจะถูกนำมาฟอกด้วยการลงทุนในธุรกิจต่างๆ ซื้อบ้านหรู คอนโดหรู รถยนต์หรู และทรัพย์สินมีค่าอื่นๆ อีกเป็นจำนวนมาก มีการจ้างบอดี้การ์ดคอยคุ้มกันตลอดเวลา จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลอาญาออกหมายค้น โดยตรวจค้น 3 จุด ประกอบไปด้วยจุดแรก เป็นบ้านเลขที่ 396/63  ซอยกาญจนาภิเษก 50 แขวงดอกไม้ แขวงประเวศ กรุงเทพ
พบชาวจีน 5 คน และคนไทย 3 คน พร้อมทรัพย์สินหลายรายการ เช่น รถยนต์ 3 คัน รถจักรยานยนต์ ดูคาติ สีแดง ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน สุราต่างประเทศกว่า 50 ขวด โทรศัพท์มือถือ 13 เครื่อง คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค 3 เครื่อง และ เงินสด 7 ล้านบาท

จุดที่ 2 บ้านเลขที่ 89/46 หมู่บ้านแกรนด์ บางกอก บูเลอวาร์ด บางนา-อ่อนนุช แขวงดอกไม้ เขตประเวศ กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นบ้านของนาย LIN YIANหรือนายยะปะสอ สวรรยาคีรี พร้อมตรวจยึดทรัพย์สินอีกหลายรายการ อาทิ รถยนต์ยี่ห้อ โตโยต้า อัลพาร์ท สีดำ (ป้ายแดง) จำนวน 3 คันนาฬิกาหรูยี่ห้อ Patek Philippe  จำนวน 1 เรือน เงินสด จำนวน 7.5 ล้านบาท บัตรประจำตัวประชาชน ชื่อนายยะปะสอ สวรรยาคีรี และหนังสือเดินประเทศไทย ชื่อนายยะปะสอ สวรรยาคีรี และ จุดที่ 3 เป็นคอนโด บริเวณซอยสุขุมวิท 39 พบชาวจีน 4 คน พร้อมยึดทรัพย์สิน เช่น เงินสด 28 ล้านบาท กระเป๋าแบรนเนมหรู 8 ใบ

โดย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวว่า  จากการนำบัตรประชาชนของผู้ต้องหาคือนาย LIN YIANหรือนายยะปะสอ สวรรยาคีรี ที่ตรวจยึด มาตรวจสอบกับสารบบ ทะเบียนราษฎร์ ของกรมการปกครองปรากฏว่า เลขประจำตัวประชาชนดังกล่าว นายทะเบียนออกให้กับบุคคลอื่น (ใบหน้าไม่ตรงกัน) โดยออกที่อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ จึงเชื่อว่า เป็นการปลอมบัตรประจำตัวประชาชน จากการตรวจสอบแล้วว่า บุคคลตามบัตรประชาชนยังมีชีวิตอยู่ และทำอาชีพหักข้าวโพดอยู่ในพื้นที่ต่างจังหวัด โดยประเด็นนี้พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ อยู่ระหว่างการขยายผลกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมีหน้าที่ในการออกเอกสาร ดังกล่าว ส่วนทรัพย์สินต่าง ๆ ที่ตรวจยึดได้ จะมีการตรวจสอบความถูกต้อง และความเชื่อมโยงกับคดีอาชญากรรมออนไลน์ที่ได้มีการแจ้งความไว้ในระบบการรับแจ้งความออนไลน์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติต่อไป นอกจากนี้ยังพบพาสปอร์ต2สัญชาติ คือไทยและ กัมพูชา มีการเดอนทางเข้าออกกัมพูชา25ครั้ง และกัวลาลัมเปอร์ มาเลเชีย 12 ครั้ง  นอกจากนี้จากการสอบสวนในเบื้องตนยังมีการทำธุรกิจ ร้านสุกกี้ในคิงส์โรมัน  สปป.ลาว และพื้นที่3เหลี่ยมทองคำ ด้วย

ส่วนข้อมูลที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ให้กับตำรวจเกี่ยวกับ 5 กลุ่มทุนเครือข่ายชาวจีน ขณะนี้ตำรวจ อยู่ระหว่างขยายผล เช่นเดียวกับประเด็นที่มีการพาดพิงว่า ผู้ต้องหาชาวจีนบางคน มีความสนิทกับนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ รวมทั้งสนิทสนมกับอดีตรัฐมนตรีคนหนึ่ง ตำรวจเข้าตรวจสอบ และตรวจค้นที่พักของอดีตรัฐมนตรี ไปแล้วแต่ยังไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย หรือมีหลักฐานเชื่อมโยง ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเครือข่ายชาวจีน นอกจากนี้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ยังเปิดเผยถึงประเด็นอดีตรัฐมนตรีฯ ที่มีรายชื่ออยู่เบื้องหลังบอลและทุนจีนว่า เรื่องนี้ขอให้ทางตำรวจสอบสวนหาข้อเท็จจริงก่อน ก่อนที่จะมาตอบหรือยืนยันได้ว่าใช่ หรือไม่ใช่ และเป็นบุคคลตามที่สังคมคิดกันหรือไม่ พร้อมทั้งขอรวบรวมพยานหลักฐาน เส้นทาง และของกลางที่ยึดมา เพราะเชื่อว่าการก่ออาชญากรรมต้องทิ้งร่องรอยเอาไว้ ซึ่งหากว่าร่องรอยถึงใคร ก็ต้องรับสภาพ โดยตอนนี้ทางตำรวจอยู่ระหว่างดำเนินการสืบสวนสอบสวน ยืนยันไม่มีใครสามารถเข้ามาควบคุมการทำงานของตำรวจได้ อย่างไรก็ตามขณะตรวจสอบที่หมู่บ้านหรูทั้งสองจุดพบข้อมูลว่าในเฟสใหม่ที่กำลังก่อสร้าง และที่ก่อสร้างเสร็จแล้วมีการถือครองทรัพย์สินของกลุ่มคนจีนทั้งหมด โดยประเด็นนี้ได้สั่งการให้ชุดสืบสวนสน.อุดมสุขทำการตรวจสอบ ว่ามีการถือครองอย่างถูกต้องหรือไม่เนื่องจากมูลค่าของบ้านแต่ละหลังนั้นสูงถึง 40- 50 ล้านบาท

ส่วนประเด็นที่มีทุนอินเดียก็เข้ามาลงทุนในธุรกิจสีเทาในประเทศนั้น พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล เปิดเผยถึงว่า เรื่องนี้ทางตำรวจมีการตรวจสอบดูทั้งหมดและเชื่อว่ามีหลายแก๊งค์มากที่อยู่ในประเทศไทย แต่ขอยังไม่ระบุถึงชื่อประเทศ เพราะไม่ใช่ทุกคนที่เกี่ยวข้อง และมีหลายชาติที่เข้ามา ซึ่งปัญหานี้เกิดตั้งแต่ช่วงสถานการณ์โควิดที่ชาวต่างชาติไม่สามารถกลับประเทศได้ และมีการอยู่ในประเทศแบบ over stay โดยเรื่องนี้ได้ส่งเรื่องให้กับพลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล แล้ว และอยู่ระหว่างตรวจสอบไปด้วยกัน เพราะเราเองก็ไม่อยากให้ประเทศไทยเราเป็นฐานก่ออาชญากรรม