ในช่วงที่ผ่านมา มีกรณีตรวจพบการกระทำความผิดเกี่ยวเนื่องกับสถานบริการอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นกรณีการตรวจสอบสาเหตุการเสียชีวิตของนักท่องเที่ยวชาวจีนหลังไปเที่ยวสถานบริการท็อปวัน ในพื้นที่ สน.สุทธิสาร เมื่อวันที่ 17 ก.ย.65 ที่ผ่านมา ซึ่งตรวจสอบพบว่าสาเหตุการเสียชีวิตเกิดจากเสพยาเสพติดปริมาณมาก หรือกรณีการเข้าตรวจค้นสถานบริการคลับวัน เมื่อวันที่ 23 ต.ค.65 ในพื้นที่ สภ.เมืองพัทยา ภ.จว.ชลบุรี ซึ่งตรวจพบยาเสพติดจำนวนมากภายในสถานบริการดังกล่าว รวมทั้งกรณีล่าสุด เมื่อวันที่ 26 ต.ค.65 ที่มีการเข้าตรวจค้นร้านจินหลิง ในพื้นที่ สน.ยานนาวา พบนักท่องเที่ยวที่ใช้ยาเสพติดกว่า 104 ราย และพบยาเสพติดในร้านจำนวนมาก ซึ่งจากทั้ง 3 กรณีดังกล่าว เป็นกรณีที่สถานบริการมีความเกี่ยวข้องกับยาเสพติด และเจ้าของสถานบริการดังกล่าวเป็นนักลงทุนชาวจีนโดยใช้ชื่อของคนไทยเป็นนอมินี
จากกรณีดังกล่าว พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร.(ปป) และ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.(สส) ได้ร่วมกันวางแผนตรวจสอบกรณีสถานบริการที่มีเจ้าของเป็น นักลงทุนชาวจีนและมีคนไทยเป็นนอมินี เพื่อเป็นการป้องกันปราบปรามปัญหายาเสพติดที่อาจมีการนำเข้ามาใช้ในสถานบริการเหล่านี้ จึงได้มีการร่วมกันวางแผนและนำทีมเจ้าหน้าที่ตำรวจจากหลายหน่วยงานบูรณาการในปฏิบัติการตรวจค้นสถานบริการดังกล่าว
ต่อมาเมื่อวันที่ 1 พ.ย.65 เวลา 01.00 น. พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร.(ปป) และ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.(สส) ได้ร่วมกันนำเจ้าหน้าที่ตำรวจเปิดปฏิบัติการเข้าตรวจค้นสถานบริการ 7 จุด ในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ ประกอบด้วย
1. ร้าน Asgard ถนนประชาอุทิศ แขวง/เขตห้วยขวาง กทม.
2. ร้าน Booze ถนนประชาอุทิศ แขวง/เขตห้วยขวาง กทม.
3. ร้าน Hollywood ถนนรัชดาภิเษก แขวง/เขตห้วยขวาง กทม.
4. ร้าน K Bangkok อาคารอาร์ ซี เอ พลาซ่า แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กทม.
5. ร้าน Joy Luck อาคารอาร์ ซี เอ พลาซ่า แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กทม.
6. ร้าน Space Plus อาคารอาร์ ซี เอ พลาซ่า แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กทม.
7. ร้าน Baby Face ซอยสุขุมวิท 63 แขวงพระโขนงเหนือ เขตวัฒนา กทม.
โดยได้มีการตรวจปัสสาวะเพื่อหาสารเสพติดจากผู้ที่ใช้บริการสถานที่ดังกล่าวรวมกว่า 329 ราย พบผู้มีสารเสพติดในร่างกายจำนวน 1 ราย ซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวจากร้าน Hollywood ซึ่งจะได้ส่งดำเนินคดีต่อไป นอกจากกรณีดังกล่าวแล้ว ไม่พบสิ่งผิดกฎหมายอื่นๆ นอกจากนี้ ต่อเนื่องจากการตรวจค้นข้างต้น เช้าวันที่ 1 พ.ย.65 เวลา 06.30 น. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ต.พนัญชัย ชื่นใจธรรม รอง ผบช.ภ.1 และ พล.ต.ต.ศุภเศรษฐ์ โชคชัย รอง ผบช.ทท. ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการจาก บช.น., ภ.1, ภ.2, ภ.4, ภ.7, ภ.8, บช.สอท., บช.ปส., สตม., บช.ทท. และ พิสูจน์หลักฐานรวมกว่า 700 นาย กระจายกำลังปฏิบัติการเข้าตรวจค้นตามบ้าน อาคาร ที่พัก เพื่อเสาะหาพยานหลักฐานที่อาจเกี่ยวข้องกับ ยาเสพติด อาวุธปืน และบ่อนการพนัน เพื่อนำมาประกอบการดำเนินคดีเกี่ยวกับ
กรณีเจ้าของสถานประกอบการท็อปวัน ร้านจินหลิง เบบี้เฟซและคลับวัน พัทยา โดยได้ขออนุมัติหมายค้นจากศาลเพื่อเข้าตรวจค้นทั้งหมด 35 จุด ใน 7 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ 17 จุด ชลบุรี 11 จุด สมุทรปราการ 2 จุด ชุมพร 2 จุด นนทบุรี 1 จุด สมุทรสาคร 1 จุด และขอนแก่น 1 จุด โดยมีจุดน่าสนใจอยู่ที่บริเวณบ้านของนายเดวิด ที่บริเวณบ้านเลขที่ 94 ซ.เจริญมิตร ถ.สุขุมวิท 63 แขวงพระโขนงเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นผู้บริหารร้านเบบี้เฟซ ผลการตรวจค้นพบรถหรูป้ายแดงจำนวนหลายคัน โดยพบพิรุธข้อสงสัยเกี่ยวกับเอกสารการครอบครองรถดังกล่าว มีมูลค่ากว่า 100 ล้านบาท ซึ่งจะต้องยึดเพื่อตรวจสอบต่อไป รวมทั้งยังสามารถตรวจยึดเอกสารสำคัญและโทรศัพท์มือถืออีกหลายรายการ จะได้นำมาตรวจสอบโดยละเอียด เพื่อนำมาประกอบการดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องกับสถานบันเทิงผิดกฎหมายดังกล่าว โดยจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และจะมีการตรวจสอบกลุ่มธุรกิจผิดกฎหมายต่างชาติที่ใช้คนไทยเป็นนอมินีเพื่อเป็นการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม รวมทั้งขยายผลถึงเจ้าหน้าที่รัฐที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มธุรกิจเหล่านี้ และนำมาดำเนินคดีทุกราย
นอกเหนือจากกรณีดังกล่าวแล้ว ระหว่างการสอบสวนคดีกรณีที่มีการเข้าตรวจค้นร้านจินหลิง ในพื้นที่ สน.ยานนาวา ซึ่งได้มีการดำเนินคดีกับนักท่องเที่ยวชาวจีนที่ถูกตรวจพบสารเสพติดกว่า 104 ราย รวมทั้งดำเนินคดีกับผู้ดูแลร้านคนไทยอีก 1 รายนั้น สืบทราบว่าได้มีเจ้าหน้าที่รัฐให้การช่วยเหลือเอื้อประโยชน์ให้กับผู้ต้องหาบางราย โดยการเรียกรับผลประโยชน์เพื่อเร่งให้มีการส่งตัวผัดฟ้องต่อศาลและได้รับประกันตัวในชั้นศาล และประสานให้มีการปล่อยรถยนต์ของกลางที่มีการยึดไว้ตรวจสอบคืนให้กับผู้ต้องหา โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่รัฐดังกล่าวเพิ่มเติมจำนวน 3 ราย ประกอบด้วย
1. พ.ต.ท.คมไพร ทองลาด รอง ผกก.จร.สน.ลาดพร้าว
จะถูกดำเนินคดีในความผิดฐาน “ให้ ขอให้ หรือรับว่าจะให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด แก่เจ้าพนักงานในตำแหน่งตุลาการ พนักงานอัยการ ผู้ว่าคดีหรือพนักงานสอบสวน เพื่อจูงใจให้กระทำการ ไม่กระทำการหรือประวิงการกระทำใดอันมิชอบด้วยหน้าที่”
2. พ.ต.ต.เกียรติศักดิ์ พิมมา พนักงานสอบสวน (สบ 2) สน.ยานนาวา
3. ร.ต.อ.สมยศ บุญณะแก้ว พนักงานสอบสวน (สบ 1) สน.ยานนาวา
อีกสองรายดังกล่าวจะถูกดำเนินคดีฐาน “เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ และเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้น การปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต” โดยจะมีการสอบสวนขยายผลเพิ่มเติมถึงผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกรณีดังกล่าว และจะนำตัวมาดำเนินคดีโดยเด็ดขาดทุกราย ไม่มียกเว้นอย่างแน่นอน