“บิ๊กโจ๊ก นำทีมปิด 3 คดีเมืองพัทยา” บาร์ค้าประเวณีเด็ก-บังคับค้าประเวณีชาวคีร์กีซสถาน-บุกปล้นพูลวิลล่า

กรณีที่ 1 จับกุมร้านลักลอบค้าประเวณีเด็ก

จากกรณีเมื่อวันที่ 11 ก.ย.65 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองได้ทำการล่อซื้อบริการทางเพศเด็ก ที่ร้าน   คอบร้า เบียร์ บาร์ ซอยบัวขาว หมู่ 10 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี และได้ทำการจับกุม น.ส.อรทนา โยธี อายุ 43 ปี ซึ่งเป็นเจ้าของร้านดังกล่าว ในความผิดฐาน “แสวงหาประโยชน์จากเด็ก (เกิน 15 ปี ไม่เกิน 18 ปี ) จากการค้าประเวณี บังคับใช้แรงงานด้วยการฉ้อฉลฯ ค้ามนุษย์” ส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทยา ดำเนินคดีตามกฎหมาย

กรณีดังกล่าว พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ชุดปฏิบัติการ ศพดส.ตร. ดำเนินการสืบสวนขยายผลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการบังคับค้าประเวณีเด็กดังกล่าว ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบสวนขยายผลโดยเข้าตรวจค้นบ้านพักของ น.ส.อรทนาฯ ที่หมู่บ้านสวนเนรมิต ซอยชัยพฤกษ์ 2 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ผลการตรวจค้นพบบิลค่าเครื่องดื่มที่ระบุชื่อพนักงานของร้านเอาไว้ เมื่อนำรายชื่อมาตรวจสอบพบว่า มีรายชื่อพนักงานที่เป็นเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีจำนวนถึง 10 คน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำตัวเยาวชนทั้ง 10 คนเข้ากระบวนการคัดแยกเหยื่อพบว่า มีเด็กที่เข้าข่ายเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์จำนวน 6 คน ซึ่งในจำนวนนี้ มีเยาวชน 2 ราย ถูกทางร้านให้ทำงานค้าประเวณีบริการลูกค้าที่ร้าน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ขยายผลออกหมายจับและสามารถติดตามจับกุมลูกค้าที่ใช้บริการดังกล่าวได้จำนวน 2 ราย ประกอบด้วย 1. นายไมเคิล แมคเดอมอทท์ อายุ 49 ปี สัญชาติบริติช (จับกุม 24 ก.ย.65) 2. นายเยนส์ เคิร์ช อายุ 55 ปี สัญชาติเยอรมัน (จับกุม 24 ก.ย.65)

โดยดำเนินคดีความผิดฐาน กระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปี ซึ่งมิใช่ภริยาหรือสามีของตน โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทยา ภ.จว.ชลบุรี ดำเนินคดีตามกฎหมาย

กรณีที่ 2 หญิงสาวชาวคีร์กีซสถานกระโดดตึกเสียชีวิต

จากกรณีเมื่อวันที่ 16 ก.ย.65 ที่ผ่านมา น.ส.อนารา เซตาลีเยว่า อายุ 30 ปี สัญชาติคีร์กีซสถาน ได้กระโดดตึกฆ่าตัวตาย เหตุเกิดที่โรงแรมรอยัลฮิลล์ คอนโดเทล ถ.ทัพพระยา ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี โดยสืบทราบว่าก่อนเกิดเหตุดังกล่าว ผู้เสียชีวิตอยู่ในระหว่างการร้องทุกข์ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาที่บังคับตนค้าประเวณีที่ สภ.เมืองพัทยา ภ.จว.ชลบุรี ตามที่สื่อมวลชนและโซเชียลมีเดียได้นำเสนอไปแล้วนั้น

กรณีดังกล่าว พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.กิตติ์ธเนศ ธนนันท์ทวีสิน ผบก.ภ.จว.ชลบุรี และ พ.ต.อ.กุลชาต กุลชัย ผกก.สภ.เมืองพัทยา เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องกับคดีที่ผู้ตายได้มาแจ้งความไว้ก่อนเสียชีวิตโดยด่วน จากการสืบสวนทราบว่า เมื่อวันที่ 14 ก.ย.65 น.ส.อนารา ผู้ตาย ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กรณีที่ตนถูกแก๊งผู้ต้องหาชาวจีนบังคับให้ตนค้าประเวณีทั้งใน สปป.ลาว และในประเทศไทยจำนวนหลายครั้ง

พฤติการณ์คือ เมื่อประมาณเดือน ก.ค.65 ผู้ตายได้ถูกเอเย่นชาวจีนหลอกว่ามีงานเกี่ยวกับศูนย์บริการนักท่องเที่ยวใน สปป.ลาว รายได้เดือนละประมาณ 20,000 บาทต่อเดือน แต่เมื่อไปถึงกลับเป็นงานคอลเซ็นเตอร์ หลอกลวงเงินจากผู้อื่น ผู้ตายไม่สามารถทำได้ แก๊งคนจีนดังกล่าวจึงได้บังคับผู้ตายค้าประเวณีอยู่ที่ประเทศลาว ต่อมาเมื่อวันที่ 27 ก.ค.65 แก๊งชาวจีนได้พาผู้ตายเดินทางเข้าประเทศไทย และได้นำผู้ตายไปบังคับค้าประเวณีให้กับลูกค้าที่กรุงเทพฯ และเมืองพัทยา โดยข่มขู่ว่าหากหลบหนีหรือแจ้งตำรวจ จะนำคลิปที่แอบถ่ายไว้ไปเผยแพร่ต่อสาธารณะ ต่อมาวันที่ 11 ก.ย.65 ผู้ตายตัดสินใจขอความช่วยเหลือไปยังสถานทูตคีร์กีซสถาน ซึ่งอยู่ในประเทศมาเลเซีย ก่อนจะได้รับการติดต่อและส่งที่ปรึกษาทางกฎหมายเข้าให้การช่วยเหลือในคดี  และเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทยา ในวันที่ 14 ก.ย.65 จากนั้นได้เข้าสู่กระบวนการคัดแยกเหยื่อต่อเจ้าหน้าที่สหวิชาชีพ และได้ตัดสินใจกระโดดตึดฆ่าตัวตายในภายหลัง

ต่อมาวันที่ 15 ก.ย.65 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบปากคำผู้เสียหายจนสามารถระบุตัวผู้ต้องหาแก๊งชาวจีนได้จำนวน 3 ราย ประกอบด้วย 1. น.ส.โรว หลี่ อายุ 27 ปี สัญชาติจีน 2. น.ส.ซง เจี้ยน หลี่ อายุ 32 ปี สัญชาติจีน 3. นายหนิน เว่ย สุย อายุ 48 ปี สัญชาติจีน

พฤติการณ์คือ นายหนิน เว่ย สุย จะทำหน้าที่พาผู้ตายไปส่งให้ลูกค้าตามสถานที่ต่างๆ โดยหลังจากที่ถูกบังคับค้าประเวณีเสร็จ ผู้ตายจะต้องให้ลูกค้าสแกนจ่ายเงินเข้าบัญชีของ น.ส.โรว หลี่ และ น.ส.ซง เจี้ยน หลี่ ต่อมาเมื่อวันที่ 17 ก.ย.65 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขออนุมัติศาลจังหวัดพัทยาออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย ในความผิดฐาน  “ร่วมกันเพื่อแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ กระทำการโดยการขู่เข็ญ ข่มขู่ ใช้กำลังบังคับ หลอกลวงกักขังหน่วงเหนี่ยว ใช้อำนาจมิชอบอันเป็นความผิดฐานค้ามนุษย์, ข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเองหรือของผู้อื่น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้นหรือจำยอมต่อสิ่งนั้น, เอาไปเสีย หรือทำให้สูญหายหรือไร้ประโยชน์ซึ่งเอกสารของผู้อื่น” และสามารถติดตามจับกุม น.ส.โรว หลี่ ได้ที่คอนโดเบล พระราม 9 ส่วนอีก 2 รายอยู่ในระหว่างการสืบสวนติดตามจับกุม

นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจยังได้ขออนุมัติศาลจังหวัดพัทยาเข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 450/44 หมู่บ้านณัฐชา ซอยเฉลิมพระเกียรติ 6 หมู่ 9 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ซึ่งผู้ตายได้ให้ข้อมูลว่าเป็นสถานที่ที่เคยถูกแก๊งคนจีนกักขังไว้เพื่อบังคับค้าประเวณี ผลการตรวจค้นไม่พบผู้เสียหายเพิ่มเติม พบบุคคลอยู่ในบ้านดังกล่าวจำนวน 3 คน คือ 1. นายหวัง กัง อายุ 45 ปี สัญชาติจีน (แฟนของ น.ส.โรว หลี่) 2. นายอิสรา แซ่ม้า อายุ 30 ปี สัญชาติเมียนมา (เป็นล่ามให้คนจีน) 3. นายธงชัย ลีโชติถาพร อายุ 40 ปี (คนขับรถ)

เบื้องต้นอยู่ในระหว่างการรวบรวบพยานหลักฐานเชื่อมโยงกับคดีดังกล่าว แต่เนื่องจากพบการกระทำผิดอื่นอีก จึงได้จับกุมนายหวังกัง ในความผิดฐาน “รับคนต่างด้าวเข้าทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงานหรือให้คนต่างด้าวทำงานนอกเหนือจากที่มีสิทธิ์จะทำได้” และจับกุมนายอิสราฯ ดำเนินคดีความผิดฐาน “เป็นบุคคลต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงานหรือทำงานนอกเหนือจากที่มีสิทธิจะทำได้ และเป็นบุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะเบียนออกนอกเขตโดยไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมาย”

ส่วนในกรณีการที่ผู้ตายตัดสินใจกระโดดตึกฆ่าตัวตายนั้น ทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานพิสูจน์ทราบจนปรากฎพยานหลักฐาน รวมทั้งตรวจสอบภายในห้องพักผู้ตายพบว่า ผู้ตายมีอาการซึมเศร้าและต้องมีการทานยาเพื่อรักษาอาการ และยังพบข้อมูลในโทรศัพท์มือถือโดยบอกกับน้องสาวของผู้ตายว่าจะฆ่าตัวตายหลายครั้ง มีคลิปวีดีโอสั่งเสียกับน้องสาวของผู้ตาย จึงเชื่อว่าผู้ตายได้ตัดสินใจฆ่าตัวตายเอง ไม่ได้มีบุคคลอื่นทำให้ตายแต่อย่างใด

กรณีที่ 3 บุกทำร้ายร่างกายในพูลวิลล่า

จากกรณีเมื่อวันที่ 18 ต.ค.65 ที่ผ่านมา ได้มีกลุ่มชายฉกรรจ์พร้อมอาวุธปืนบุกเข้าไปทำร้ายร่างกายกลุ่มผู้เสียหายซึ่งพักอยู่ที่ แอทไซด์พูลวิลล่า ถ.จอมเทียน สาย 2 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 4 ราย รายละเอียดตามที่สื่อมวลชนและโซเชียลมีเดียได้นำเสนอไปแล้ว

กรณีดังกล่าว พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เร่งสืบสวนติดตามกลุ่มผู้ก่อเหตุดังกล่าวโดยด่วน เนื่องจากเป็นเหตุอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญ กลุ่มคนร้ายก่อเหตุอย่างอุกอาจและใช้อาวุธปืน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จึงสั่งการให้ พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.ภ.2 พล.ต.ต.กิตติ์ธเนศ ธนนันท์ทวีสิน ผบก.ภ.จว.ชลบุรี และ พ.ต.อ.กุลชาต กุลชัย ผกก.สภ.เมืองพัทยา เร่งสืบสวนหาสาเหตุในการก่อเหตุดังกล่าวของกลุ่มผู้ต้องหา และนำตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีโดยเร็ว

จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่า กลุ่มผู้ก่อเหตุดังกล่าวมีทั้งหมด 6 ราย โดยมูลเหตุในการก่อเหตุอุกอาจเช่นนี้เนื่องจากกลุ่มผู้ก่อเหตุมีธุรกิจลักลอบทำเว็บพนันผิดกฎหมาย และได้จ้างให้หนึ่งในกลุ่มผู้เสียหายเปิดบัญชี ต่อมาเจ้าของบัญชีกลับหักหลังและเอาเงินในบัญชีดังกล่าวไป ผู้ก่อเหตุเลยโกรธแค้นและก่อเหตุดังกล่าวเพื่อจะทวงเงินคืน โดยกลุ่มผู้ก่อเหตุทั้ง 6 ราย ประกอบด้วย 1. นายจักรกฤษณ์ อายุ 37 ปี 2. นายภูริชล อายุ 30 ปี 3. นายธนะพล อายุ 27 ปี 4. นายจิรโรจน์ อายุ 29 ปี 5. นายปวุฒ อายุ 26 ปี 6. นายจิรวัฒน์ อายุ 26 ปี

เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขออนุมัติศาลจังหวัดพัทยาออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 6 ราย และสามารถติดตามจับกุมได้ทั้งหมด โดยจะดำเนินคดีฐาน “ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่มีเหตุอันควร และยิงปืนโดยใช่เหตุในเมือง หมู่บ้านหรือที่ชุมนุมชน, ร่วมกันบุกรุกเคหสถานของผู้อื่น โดยมีอาวุธหรือโดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป, ร่วมกันทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ  ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้น โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยมีอาวุธ โดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป, ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย, ร่วมกันทำให้เสียหายซึ่งทรัพย์ของผู้อื่น หรือผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย, ร่วมกันเอาไปเสีย ซึ่งเอกสารของผู้อื่น ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหาย”

นอกจากนี้ ในระหว่างการติดตามจับกุมตัวผู้ก่อเหตุ ได้มีการประสานขอเข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน โดยมีการจ้างวานให้บุคคลอื่นมาเข้ามอบตัวร่วมกับผู้ต้องหาตัวจริง และอ้างว่าได้มาก่อเหตุด้วย ซึ่งจากการสืบสวนเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถยืนยันตัวบุคคลผู้ก่อเหตุได้และไม่ใช่คนที่มามอบตัวดังกล่าว จึงได้มีการขยายผลจนทราบตัวผู้เกี่ยวข้องจำนวน 4 ราย ซึ่งจากการซักถามทราบว่า ได้มีการปรึกษากับเจ้าหน้าที่รัฐเพื่อวางแผนเปลี่ยนตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดี เพื่อมิให้ผู้ก่อเหตุตัวจริงถูกดำเนินคดี โดยมีการเรียกรับสินบนถึง 1 ล้านบาท เบื้องต้นดำเนินคดีกับผู้ต้องหาเพิ่มเติม  4 ราย ประกอบด้วย 1. นายอรรถวุฒิ อายุ 33 ปี 2. นายเอกพล อายุ 36 ปี 3. นายบุญฤทธิ์ อายุ 24 ปี    4. นายสราลัญ อายุ 23 ปี

เมื่อวันที่ 21 ต.ค. 65 ช่วงเช้า สภ.เมืองชลบุรี ได้ดำเนินคดีกับนายอรรถวุฒิ  ธินามธรรม (เอ็ม ปู่ไปล่) และ นายเอกพล เอี่ยมวิสูตร ผู้จ้างวานติดต่อ,นายบุญฤทธิ์  หรือฉุย จิตรมา  และนายสราลัญ หรือท้อป  ยอดทัด  ผู้รับจ้างมามอบตัวแทนผู้ก่อเกตุที่แท้จริง ในความผิดฐาน “แจ้งข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญาแก่พนักงานสอบสวน ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนได้รับความเสียหาย และช่วยผู้อื่นซึ่งเป็นผู้กระทำความผิดอันมิใช่ความผิดลหุโทษ เพื่อไม่ให้ต้องรับโทษ โดยช่วยผู้นั้นด้วยประการใดๆ เพื่อไม่ให้ถูกจับกุม” โดยได้เสนอสำนวนการสอบสวนให้กับอัยการจังหวัด     คดีศาลแขวงชลบุรีดำเนินการฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 4 คน ต่อศาลแขวงชลบุรีในวันเดียวกัน เบื้องต้น ศาลแขวงชลบุรี มีคำพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยทั้งสี่เป็นเวลา 1 ปี แต่จำเลยให้การรับสารภาพจึงลดโทษให้กึ่งหนึ่ง (เหลือจำคุก 6 เดือน) ไม่รอลงอาญา ปัจจุบันผู้ต้องหาทั้ง 4 ได้ยื่นเรื่องขอประกันตัวในวงเงินคนละ 50,000 บาท เพื่อยื่นอุทธรณ์ตามขั้นตอนต่อไป

ในส่วนของตัวเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้อง ล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาต่อ พ.ต.อ.กรวัฒน์    หันประดิษฐ์ รอง ผบก.ภ.จว.ชลบุรี ซึ่งร่วมกับผู้ต้องหาทั้ง 4 รายข้างต้น ในการวางแผนเปลี่ยนตัวผู้ก่อเหตุ และเรียกรับเงินถึง 1 ล้านบาท โดยดำเนินคดีความผิดฐาน เป็นเจ้าพนักงานเรียกรับประโยชน์, เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่ไ่ม่ชอบโดยทุจริต  และเป็นเจ้าพนักงานฝ่ายสืบสวน ช่วยเหลือไม่ให้คนต้องรับโทษ หรือรับโทษลดลง และต่อมาเมื่อวันที่ 30 ต.ค.65  ทาง ผบช.ภ.2 ได้สั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง และให้ พ.ต.อ.กรวัฒน์ มาประจำที่ ศปก.ภ.2 เพื่อให้การสอบสวนเป็นไปอย่างยุติธรรมต่อทุกฝ่าย

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ในวันนี้เป็นการประชุมแถลงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับความคืบหน้าในการสืบสวนคดีอุกฉกรรจ์และคดีที่น่าสนใจของ สภ.เมืองพัทยา ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกัน ในคดีแรกเป็นคดีที่มีการบังคับค้าประเวณีเด็กและเยาวชน ซึ่งได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือเหยื่อเพื่อนำมาเข้ากระบวนการคัดแยกเหยื่อ และสามารถขยายผลจับกุมผู้ใช้บริการ ซึ่งจะดำเนินคดีถึงที่สุดทุกราย คดีที่สองเป็นกรณีที่ผู้เสียหายในคดีค้ามนุษย์ได้กระโดดตึกเสียชีวิต กรณีดังกล่าวเจ้าหน้าที่ได้ออกหมายจับแก๊งชาวจีนไว้เรียบร้อยแล้ว และสามารถจับกุมได้แล้ว      1 ราย ซึ่งจะมีการติดตามจับกุมผู้ต้องหาและขยายผลกรณีพบมีผู้เกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าวเพิ่มเติม จะนำตัวมาดำเนินคดีโดยเด็ดขาด กรณีสุดท้ายเป็นคดีอุกฉกรรจ์ซึ่งก่อเหตุอย่างอุกอาจ บุกทำร้ายคู่กรณีในพูลวิลล่า ซึ่งหลังจากการสืบสวนจึงทราบว่า เป็นความขัดแย้งในเรื่องผลประโยชน์จากเว็บพนัน โดยกลุ่มคนที่พักในพูลวิลล่ามีคนที่ทำหน้าที่รับจ้างเปิดบัญชีให้ผู้ก่อเหตุแล้วหักหลังเชิดเงินไป จนผู้ก่อเหตุบุกไปทวงคืน ตอนนี้สามารถจับกุมผู้ก่อเหตุครบทั้ง 6 รายแล้ว แต่ระหว่างสืบสวน ผู้ก่อเหตุมีการวางแผนที่จะหลอกชุดจับกุมด้วยการวางแผนกับเจ้าหน้าที่รัฐในการสลับเอาคนอื่นมามอบตัวแทนผู้ก่อเหตุตัวจริง แต่จากการรวบรวมพยานหลักฐานอย่างรอบคอบครบถ้วน จึงทราบว่าเป็นตัวหลอก จึงได้จับกุมขบวนการสลับตัวผู้ต้องหาได้เพิ่มอีก 4 คน รวมถึงเจ้าหน้าที่รัฐอีก 1 คน โดยแม้จะเป็นเจ้าหน้าที่ระดับรองผู้บังคับการ ก็จะต้องดำเนินคดีโดยเด็ดขาด ไม่มีละเว้น การประชุมแถลงผลนี้เป็นการสร้างความมั่นใจให้ประชาชนมีความเชื่อมั่นในการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในการทำความจริงให้ปรากฏและสร้างสังคมที่สงบสุขให้กับพี่น้องประชาชน