เปิดปฏิบัติการทลายแก๊งเว็บพนันจีน ลักลอบใช้เมืองไทยเป็นฐานการพนัน

เมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 28 ต.ค. พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. พล.ต.ต.นิตินันท์ เพชรบรม รอง ผบช.น. พ.ต.อ.เศรษฐพันธ์ ศรีสาคร ผกก.สน.หัวหมาก พร้อมกำลังตำรวจศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) (PCT) เข้าตรวจค้นโรงแรมแห่งหนึ่งในซอยรามคำแหง 32 แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กทม. จับกุมกลุ่มกระบวนการเว็บไซต์พนันออนไลน์ได้ผู้ต้องหาชาวจีน จำนวน 50 คน

พล.ต.ท.ภาณุรัตน์กล่าวว่า ตามนโยบายของรัฐบาล โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการสืบสวนติดตามจับกุม กลุ่มมิจฉาชีพ ที่มีพฤติการณ์หลอกลวงประชาชน โดยเฉพาะการหลอกลวงหรือฉ้อโกงออนไลน์ อันเป็นการซ้ำเติมปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ในช่วงวิกฤตการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด 19 พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. สั่งการให้ ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) ดำเนินการตามสั่งการของ นายกรัฐมนตรีอย่างเคร่งครัด และให้มีผลการปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม

ผู้ช่วยผบ.ตร.กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ ศปอส.ตร.ร่วมกับ สตม., บช.ทท.และ บช.สอท. สืบทราบว่า มีกลุ่มชาวต่างชาติชาวจีนได้ลักลอบใช้เมืองไทยเปิดเว็บไซต์พนันออนไลน์ชื่อ เห่อชิง (HengXin) มีพนักงานกว่า 50 คน อยู่ที่หอพักแห่งหนึ่งในพื้นที่ สวนหลวง และ หัวหมาก กทม.จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐานทำการขอหมายค้นหอพักดังกล่าว จากศาลอาญาพระโขนง ให้เข้าทำการตรวจค้นในวันที่ 28 ต.ค.2565

พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ กล่าวว่า ผลการตรวจค้นพบคนจีนและคนมาเลเซียจำนวนหนึ่งกำลังทำงานเกี่ยวกับเว็บพนันออนไลน์ โดยทำหน้าที่ควบคุมดูแลความเรียบร้อยและดูแลระบบเซอเวอร์ และเป็นแอดมิน ทำหน้าที่ชักชวนลูกค้าชาวต่างชาติให้เข้าเล่นผ่านแอพพลิเคชั่น Let’s Talk และ Telegram โดยเมื่อชักชวนเสร็จแล้วจะส่งไอดีของลูกค้าและผู้สมัครให้กับพนักงานแอดมินที่มีหน้าที่เปิดบัญชีลูกค้าแล้วจึงเปิดเครดิตให้ลูกค้าเล่น เบื้องต้นตรวจสอบพบว่าลูกค้าส่วนใหญ่เป็นคนจีนใช้เงินหยวนเล่นพนัน ยอดเงินหมุนเวียนกว่า 100 ล้านหยวน (ประมาณ 500 ล้านบาท)

เบื้องต้นผู้ต้องหารับสารภาพว่า ลักลอบอาศัยสถานะเป็นนักท่องเที่ยวลอบทำงานผิดกฎหมายดังกล่าว ได้ค่าจ้างตั้งแต่ 40,000-70,000 บาท จึงได้ทำการจับกุมตัวแจ้งข้อกล่าวหา เป็นบุคคลต่างด้าวทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต และตรวจยึดของกลาง คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก 50 เครื่อง โทรศัพท์มือถือ 53 เครื่อง นำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป